Accessibility Tools

Skip to main content
เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 น. - 16.30 น.
ขนาดตัวอักษร
สีตัวอักษร

ผู้เขียน: Theenaphat Kenyota

ไทยเร่งผลักดันความร่วมมือระดับภูมิภาค ผ่านการประชุมวิชาการนานาชาติครั้งแรกของไทย “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” 24-27 มิ.ย. นี้ ที่ รร.เซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

       นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงความพร้อมประเทศไทยในการเป็นผู้นำด้านจริยธรรม AI ของภูมิภาค ในหลายด้าน ทั้งแผนปฏิบัติการด้าน AI แห่งชาติ (พ.ศ. 2565–2570) ส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมในบริบทของประเทศไทยภายใต้กรอบ “Ethics, Legal, and Social Implications (ELSI)” ที่ไทยเป็นประเทศแรก ๆ ในภูมิภาคที่นำกรอบนี้มาใช้ในระดับยุทธศาสตร์ ซึ่งมีนโยบายการขับเคลื่อนเน้น 3 แกนสำคัญ ทั้งการสร้างความพร้อม (Readiness) การส่งเสริมการนำ AI ไปใช้ (Adoption) และการวางรากฐานกำกับดูแล AI อย่างมีธรรมาภิบาล (AI Governance) รวมไปถึงการมีศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AI Governance Center: AIGC) ภายใต้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานสนับสนุนการขับเคลื่อน AI อย่างมีจริยธรรมและธรรมาภิบาลทั้งในกลุ่มหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของประเทศในการขับเคลื่อนการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยี AI ที่สอดคล้องกับแนวทางของ UNESCO และมาตรฐานสากล และนำมาสู่การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24–27 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร ภายใต้การนำของ 3 กระทรวง อย่าง กระทรวงดีอี, กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อการประชุมระดับนานาชาติตั้งแต่ระดับผู้นำ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จาก 194 ประเทศสมาชิกของ UNESCO ที่เน้นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความร่วมมือเชิงนโยบาย และการกำหนดแนวทางการพัฒนา AI ที่มีจริยธรรม โปร่งใส เป็นธรรม และเคารพสิทธิมนุษยชนตามแนวทาง ‘UNESCO Recommendation on the Ethics of AI’ โดยในพิธีเปิดยังได้รับเกียรติจาก Ms. Audrey Azoulay, Director-General of UNESCO เข้าร่วมด้วย โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ ห้องคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ B1 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
       การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการประกาศวิสัยทัศน์และแสดงบทบาทนำในเวทีภูมิภาคและระดับโลกด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล AI ผ่านการผลักดันความร่วมมือเชิงนโยบายจากเวทีสากลสู่ระดับปฏิบัติการพร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความพร้อมครอบคลุมทั้งด้านนโยบาย วัฒนธรรม และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยในเวทีนี้ ประเทศไทยจะเน้นนำเสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่:
       1. AI Governance Practice Center (AIGPC): การขับเคลื่อนศูนย์กลางพัฒนาศักยภาพด้านการกำกับดูแล AI แห่งแรกของอาเซียน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือเชิงนโยบายในระดับภูมิภาค
       2. Monitoring Dashboard of Thailand: เครื่องมือโมเดลต้นแบบด้านจริยธรรม AI สนับสนุนการกำกับดูแลที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
       3. ผลการประเมินความพร้อมด้าน AI ตามกรอบ UNESCO RAM: ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่เริ่มศึกษาและจะเปิดเผยผลการประเมินบนเวทีนี้
       นอกจากการประชุม ยังมี Side Event คู่ขนานที่น่าสนใจ ซึ่งหลายกิจกรรมเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมได้ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมนอกเหนือจากประชุมวิชาการระดับนโยบาย อาทิ กิจกรรม AI Sandboxes: Regulatory Learning in Action จาก AI Governance Center by ETDA, Global Network of Centers (NoC) และ UNESCO, กิจกรรมสัมมนา AI and Children: Using AI for realizing the rights of children จาก UNICEF ร่วมกับ Thailand Safe Internet Coalition (TSIC) เพื่อหารือประเด็นเรื่อง “AI กับสิทธิเด็ก” และ กิจกรรมเสวนา Enabling an AI-ready Workforce: Exchanging Policy Perspectives and Solutions ในมุมการพัฒนาแรงงาน และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นการพัฒนาเครื่องมือหรือความร่วมมือที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้อย่างเป็นรูปธรรม
       นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมคู่ขนานที่รัฐบาลไทยสนับสนุนให้จัดขึ้น “Bangkok AI Week 2025” กับคอนเซ็ปต์ AI powered nation: Unleashing the digital economy for all ซึ่งจัดขึ้นในจุดต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ ประเด็นความรู้ การจัดนิทรรศการโชว์เคส AI Solution ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถเข้าร่วมได้-ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ รวมถึงประเด็นจากการประชุมนานาชาติ The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 เพิ่มเติมได้ที่ https://www.globalforumethicsai.com/ หรือเพจเฟซบุ๊ก ETDA Thailand

Loading

การประชุมหารือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อจัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อแก้ไขปัญหาบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ พ.ศ. ๒๕๖๘ – ๒๕๗๐

       เมื่อวันที่ ๒๐ – ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ณ โรงแรม The Riverie by Katathani จังหวัดเชียงราย ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง/รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุมหารือกับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน (จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน)
       ที่ประชุมฯ ได้ให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อาทิ สถานการณ์ในพื้นที่ภาคเหนือที่มีกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากที่จะได้รับการพัฒนาสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ แต่อาจพบปัญหาและอุปสรรคในเรื่องการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้มีสิทธิ์ยื่นขอและรับรองคุณสมบัติตนเองที่อาจไม่ยื่นคำขอในครั้งนี้ การเพิ่มเติมสถานการณ์ของกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มนักบวชไร้รัฐไร้สัญชาติ การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ การบริหารจัดการกลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มีปัญหาสถานะ (รหัส G) ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นและยังไม่ได้จัดทำทะเบียนประวัติ การจำแนกผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ และการปรับปรุงกลยุทธ์ให้เห็นผลไปสู่การปฏิบัติให้ชัดเจนมากขึ้น

กองความมั่นคงภายในประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมหารือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อจัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อแก้ไขปัญหาบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ พ.ศ. ๒๕๖๘ – ๒๕๗๐

       เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพฯ นายสรพงค์ ศรียานงค์ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง/รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมหารือกับภาควิชาการ ภาคประชาสังคมในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) และ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM)
       ที่ประชุมฯ มีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อ (ร่าง) แผนฯ อาทิ การเริ่มต้นกล่าวถึงความเป็นมาเชิงประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการรับรองสถานะของบุคคลตั้งแต่อดีตก่อนที่จะมีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เพื่อแสดงให้เห็นถึงหลักการหรือแนวคิดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง (general recognition) รวมทั้งเพิ่มกรอบแนวคิดการผสมกลมกลืนทางสังคม (Socialization) การสร้างความสมดุลระหว่างความมั่นคงของรัฐและความมั่นคงของมนุษย์ และแนวทางแบบมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง (Inclusive Approach) โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคือ การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave no one behind)

กองความมั่นคงภายในประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

รองนายกฯ ประเสริฐแสดงวิสัยทัศน์ ถึงเป้าหมายของไทยในการขับเคลื่อน AI อย่างมีธรรมาภิบาล

“อนาคตของจริยธรรม AI ไม่ได้ถูกกำหนดโดยเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ในมือของเราทุกคน—ที่จะร่วมวางรากฐานของสิ่งนี้ ด้วย ‘คุณค่า’ ที่เราเชื่อมั่นร่วมกัน”

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แสดงวิสัยทัศน์อย่างชัดเจนถึงเป้าหมายของไทยในการผลักดัน AI ที่มีธรรมาภิบาล เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับภูมิภาคและสร้างความร่วมมือกับประชาคมโลก ผ่านบทบาทเจ้าภาพการประชุมใหญ่ระดับนานาชาติ The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ที่จะจัดขึ้นในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 24–27 มิถุนายนนี้

โอกาสครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เกียรติยศของประเทศ แต่คือหมุดหมายสำคัญที่บอกโลกว่า ประเทศไทย “พร้อม” และ “กล้า” ที่จะร่วมออกแบบอนาคตของ AI ให้สอดคล้องกับคุณค่า ความเป็นธรรม และสิทธิมนุษยชน

รองนายกฯ ย้ำหนักแน่นว่า “ไทยไม่ได้พัฒนา AI เพื่อแข่งขันอย่างไร้จริยธรรม แต่เรากำลังสร้าง AI ที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ยึดถือความโปร่งใส รับผิดชอบ และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ประเทศไทยจึงตั้งใจใช้เวทีนี้ เพื่อ จุดประกายความร่วมมือระดับโลก เปลี่ยนจากการแลกเปลี่ยนแนวคิด…สู่การจัดวางกลไกธรรมาภิบาลที่ “ขับเคลื่อนได้จริง” ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับนโยบาย ไปจนถึงการปฏิบัติในชีวิตจริง

และนี่คือก้าวที่สำคัญของประเทศไทย สู่การเป็น ‘Thought Leader’ ด้านจริยธรรม AI ที่ไม่ใช่ถ้อยคำสวยหรู แต่คือการลงมือทำ ผ่านความพร้อมด้าน AI ที่ไทยมี รวมถึงความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการเดินหน้าจัดตั้ง AI Governance Practice Center (AIGPC)
ที่จะทำให้โลกเห็นว่า AI ที่ดี…เริ่มได้ที่ เรา

ร่วมออกแบบอนาคต AI และระบบนิเวศที่ทำให้เทคโนโลยี…ไม่ใช่เครื่องมือของคนไม่กี่คน แต่เป็นพลังแห่งโอกาสของทุกคน บนพื้นฐานของจริยธรรม ความโปร่งใส และมนุษยธรรม ไปกับการประชุมนานาชาติ ‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025’ ที่จะเกิดขึ้น 24-25 มิ.ย.นี้
.
เพราะการใช้ AI ที่ยั่งยืน…ต้องเริ่มจากสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และประเทศไทย…กำลังเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่พร้อมกับการร่วมเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืน
.
ติดตามรับชมบทสัมภาษณ์พิเศษเต็มรูปแบบได้เร็วๆนี้ ที่ ETDA Thailand
.
อัปเดตรายละเอียดการประชุมฯ ได้ที่เว็บไซต์ https://www.globalforumethicsai.com
———————–
“The future of AI ethics isn’t shaped by technology alone — it’s in our hands, built on the values we share.”

Mr. Prasert Jantararuangtong, Deputy Prime Minister and Minister of Digital Economy and Society of Thailand,delivered a clear vision for Thailand’s goal to advance ethical and trustworthy AI—a vision that positions the country as a regional leader and a proactive global partner. This message is set to resonate on the world stage as Thailand hosts the3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025,taking place in Bangkok from June 24–27.

This opportunity is not just a national honor—It is a powerful declaration that Thailand is ready, and courageous enough, to co-create the future of AI in line with core values, justice, and human rights.

The Deputy Prime Minister emphasized: “Thailand is not developing AI to compete without conscience—we are building AI that respects human dignity, upholds transparency and responsibility, and leaves no one behind.”

From Vision to Action: A Regional Milestone Thailand will use this global platform to ignite real international cooperation—moving from ideas and dialogue to implementable governance frameworks that work at all levels, from policymaking to daily practice.

This marks a critical milestone on Thailand’s path to becoming a true Thought Leader in AI Ethics—not in words, but in action. Backed by national readiness and robust infrastructure, Thailand is advancing the establishment of the AI Governance Practice Center (AIGPC)—a cornerstone in shaping ethical AI governance for the region.

Let the world see: Good AI can start here—with us.
Join us in designing an AI future and digital ecosystem
where technology is not a tool for the few—but a force of opportunity for all, grounded in ethics, transparency, and humanity.

📍 Be part of this global conversation at the 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025, coming June 24–27, 2025 in Bangkok.
.
Sustainable AI starts with a society that leaves no one behind.
And Thailand is stepping forward — ready to be part of a creative and sustainable transformation for all.
.
🎥 Watch the full exclusive interview soon on ETDA Thailand
🌐 Conference updates available at: https://www.globalforumethicsai.com
.
#GlobalForumEthicsAI25 #AIinMotion #AIEthics #EthicsOfAI #AIGovernanace #UNESCO #AIForum #MDES #DE #MHESI #mhesithailand #ETDA #ETDAThailand #NECTEC #กระทรวงศึกษาธิการ #GlobalForum

Loading

เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยการหารือด้านความมั่นคงระหว่างไทยกับรัสเซีย ครั้งที่ ๗ ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย

       เมื่อวันที่ ๒๕ – ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๑๓ การประชุมปรึกษาหารือผู้แทนระดับสูงอาเซียน – รัสเซีย สำหรับประเด็นด้านความมั่นคง นอกจากนี้ ในห้วงระหว่างการเดินทางเยือนฯ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยังมีโอกาสพบหารือทวิภาคีกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของประเทศต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะสถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศร่วมกัน ได้แก่ ๑) นาย Sergei Shoigu เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ๒) พลเรือเอกโม อ่อง ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๓) นายเนสเตอร์ เฮอร์ริโก รองอธิบดีสภาความมั่งคงแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ๔) นาย Gabriel Luechinger ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งสมาพันธรัฐสวิส และ ๕) พลตรี อาริ ยูเลียนโต รองเลขาธิการด้านภูมิยุทธศาสตร์ สภากลาโหมแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
       ในโอกาสดังกล่าว สภาความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซียได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยการหารือด้านความมั่นคงระหว่างไทยกับรัสเซีย ครั้งที่ ๗ โดยมีนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และนายอเล็กซานเดอร์ เวเนดิคตอฟ รองเลขาการสภาความมั่นคงแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นประธานร่วม เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ และมีหน่วยงานด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศเข้าร่วมการหารือเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือและร่วมกันจัดการภัยคุกคามความมั่นคงระหว่างสองประเทศในระยะต่อไป

กองความมั่นคงระหว่างประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๘

       เมื่อวันศุกร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๘ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี/ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๘ ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล ที่ประชุมฯ ได้รับทราบพัฒนาการของสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา รวมทั้ง การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้เตรียมพร้อมการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมและประชาชน รวมถึง นานาชาติ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ โดยให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ทำหน้าที่ติดตาม ประสานงาน และเสนอแนะมาตรการเพิ่มเติม หากฝ่ายกัมพูชามีการยกระดับปัญหา ในการนี้ มอบหมายให้กองทัพประสานการปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตยและการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ จะดำเนินการโดยสอดคล้องกับแนวทางการเจรจาใน JBC ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๘
       นอกจากนี้ ปรากฏการเผยแพร่ข่าวสารอันเป็นเท็จเพื่อปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง จึงได้มอบหมายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการติดตามในการพิสูจน์ทราบข่าวและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยงานหลักในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่

กองนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมผู้บริหารของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๘

       เมื่อวันพุธที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมผู้บริหารของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๘ ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ ชั้น ๓ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล ที่ประชุมฯ ได้ติดตามผลความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบายและข้อสั่งการจากการประชุมครั้งก่อน และได้ร่วมพิจารณาถึงกระบวนการจัดทำ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๗๑ – ๒๕๗๕ ที่เป็นนโยบายและแผนหลักของชาติ (Master Plan) ในฐานะกรอบทิศทาง ในการดำเนินการป้องกัน แจ้งเตือน แก้ไข หรือระงับยับยั้งภัยคุกคามเพื่อธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของชาติ รวมถึงได้พิจารณาการเตรียมเข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ และคณะอนุกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และตอบสนองต่อความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ
       ในโอกาสนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการ งบประมาณโครงการ และกิจกรรมเพิ่มเติม ที่มีกำหนดการดำเนินการในห้วงไตรมาสที่ ๓ – ๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าและเหมาะสม ตลอดจนส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนภารกิจงานความมั่นคงของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป

กองนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

เปิดไฮไลท์โปรแกรม ไทยเตรียมโชว์ศักยภาพ AI ไทยบนเวทีโลก!

       เปิดไฮไลท์โปรแกรม ไทยเตรียมโชว์ศักยภาพ AI ไทยบนเวทีโลก!
.
เวทีการประชุมวิชาการนานาชาติ ‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025’ คือโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะได้แสดงบทบาทเชิงรุกในเวทีโลกด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล AI สะท้อนความพร้อมทั้งด้านนโยบาย โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และความร่วมมือระดับภูมิภาคในการพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ และ นอกจาก 2 ไฮไลท์ ที่ไทยเตรียมนำเสนอต่อนานาชาติ ทั้ง

1. เดินหน้า ศูนย์ AIGPC (AI Governance Practice Center) สู่การเป็นศูนย์กลางการพัฒนาขีดความสามารถด้านการกำกับดูแล AI แห่งแรกของอาเซียน เพื่อร่วมยกระดับมาตรฐานตามแนวทางของ UNESCO
2. นำเสนอ Monitoring Dashboard of Thailand โมเดลต้นแบบเครื่องมือกำกับดูแล AI ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม ยั่งยืน ขยายผลสู่ระดับภูมิภาค
.
ผู้นำระดับนโยบาย ผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนนักวิชาการของไทย ยังจะได้ร่วมวงการประชุม นำเสนอนโยบายและแลกเปลี่ยนมุมมอง พร้อมเรียนรู้ Use case ร่วมกับนานาประเทศที่เดินทางมาที่ประเทศไทย ผ่านหลากหลายหัวข้อไฮไลท์ ไม่ว่าจะเป็น
📌Setting the Scene Dialogue: Technology, Policy and Innovation for Good -เวทีที่รวมผู้นำร่วมถอดบทเรียนและวางแนวทางการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมีจริยธรรม เพื่อประโยชน์ร่วมกันในยุค AI

📌ASEAN in Focus: RAM Implementation and Beyond – อัปเดตความคืบหน้าในการขับเคลื่อนจริยธรรม AI ของอาเซียน พร้อมเปิดตัวผลการประเมินความพร้อม AI ของไทย ตามกรอบ RAM (Readiness Assessment Methodology) ครั้งแรก

📌Bridging the AI Language Divide: Safeguarding Linguistic Diversity- เวทีที่ว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางภาษายุคดิจิทัล เปิดตัว Global Coalition ผลักดัน AI ที่เข้าใจและใช้งานได้หลายภาษา สู่ร่วมมือกันไม่ให้ภาษาใด ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

📌AI and Neurotechnology – สำรวจโลกใหม่ของ AI ที่เชื่อมโยงกับสมองมนุษย์โดยตรง พร้อมประเด็นสิทธิมนุษยชน ความเป็นส่วนตัว และความเสี่ยงจากอคติของอัลกอริทึม และแนวทางจริยธรรม Neurotechnology ของ UNESCO

📌AI and Quantum – สำรวจจริยธรรมของ AI ในยุค Quantum ที่ทรงพลังและซับซ้อน พร้อมขับเคลื่อน International Year of Quantum Science and Technology 2025 เพื่อถึงเทคโนโลยีควอนตัมอย่างเท่าเทียม

📌AI in Education: Future of Learning and Human Capital – เมื่อ “การเรียนรู้ร่วมกับ AI” เป็นเรื่องปกติ เวทีนี้จะชวนคิดใหม่เกี่ยวกับบทบาทของครู นักเรียน และระบบการศึกษา เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์ที่รอบด้านทั้งทักษะดิจิทัลและจริยธรรม

📌AI and Disaster Risk Reduction – สำรวจการใช้ AI เพื่อคาดการณ์และรับมือภัยพิบัติอย่างมีธรรมาภิบาล โดยเน้นความเท่าเทียมและข้อมูลจากชุมชน ปกป้องประชากรกลุ่มเปราะบางและสร้างความยั่งยืนด้านความปลอดภัยระยะยาว
.
ร่วมติดตามผลสรุป ทุกก้าวของประเทศไทย ในฐานะ Host สำคัญของเวที ได้ผ่านเพจ ETDA Thailand
.
ติดตามโปรแกรมฉบับเต็ม ‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025’ วันที่ 24-27 มิถุนายน 2568📌 เซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ได้ที่ https://www.globalforumethicsai.com/

————————
Thailand to Showcase Ethical AI Leadership at Global Stage – Highlights from the Program!
.
The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025, to be held from 24–27 June 2025 at Centara Grand at CentralWorld, Bangkok, marks a pivotal opportunity for Thailand to take a proactive role on the global stage in promoting ethical and responsible AI development.
.
This forum will spotlight Thailand’s readiness in terms of policy, digital infrastructure, and regional collaboration, particularly through two major highlights that the country is set to present:
Advancing the AI Governance Practice Center (AIGPC) – Positioned to become ASEAN’s first regional hub for AI governance capacity building, in alignment with UNESCO’s global standards.
Introducing the Monitoring Dashboard of Thailand – A prototype governance tool designed to support ethical and sustainable AI practices, with potential to scale across the region.
.
Thai policymakers, experts & academics will join global peers at the 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI to exchange insights, present policy directions, and explore real-world use cases through key sessions like:
📌Setting the Scene Dialogue: Technology, Policy and Innovation for Good – High-level dialogue on ethical AI for the common good.

📌ASEAN in Focus: Thailand’s AI Readiness Assessment (RAM) rollout, Thailand’s first AI Readiness Assessment, and a new regional AI governance center.

📌Bridging the AI Language Divide: Launch of a global multilingual AI coalition.

📌AI and Neurotechnology- Ethics at the intersection of AI and the human brain.

📌AI and Quantum- Navigating ethics in next-gen AI during the International Year of Quantum 2025.

📌AI in Education: Rethinking learning and human capital in an AI-driven future.

📌AI and Disaster Risk Reduction- Inclusive, ethical AI for forecasting and resilience.
.
📌Follow every key step of Thailand’s journey as the proud host of this global forum — exclusively on ETDA Thailand’s page.
.
🔗View full program of the 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025:
https://www.globalforumethicsai.com/

.
#GlobalForumEthicsAI25 #AIinMotion #AIEthics #EthicsOfAI #AIGovernanace #UNESCO #AIForum #MDES #DE #MHESI #mhesithailand #NECTEC #กระทรวงศึกษาธิการ #GlobalForum #ETDAThailand #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล

Loading

การศึกษาดูงานภายใต้หลักสูตรความมั่นคงศึกษาระดับต้น รุ่นที่ ๖ ครั้งที่ ๑ ณ จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด

       สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมศ.สมช.) ได้จัดกิจกรรมการศึกษาดูงานภายใต้หลักสูตรความมั่นคงศึกษา (คมศ.) รุ่นที่ 6 ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 21 – 23 พฤษภาคม 2568 โดยผู้เข้ารับการศึกษาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ รวมจำนวน 34 คน มีรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันความมั่นคงศึกษา (นางสาวสุนิสา แพรภัทรประสิทธิ์) เป็นหัวหน้าคณะ เดินทางศึกษาดูงานหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ประกอบด้วย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จังหวัดจันทบุรี สำนักงานจังหวัดตราด ด่านชายแดนถาวรบ้านหาดเล็ก และด่านศุลกากรคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเชิงประจักษ์เกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงแห่งชาติในพื้นที่ปฏิบัติงานจริง โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ความมั่นคงจากหลายมิติ ทั้งด้านความมั่นคงชายแดน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจชายแดน สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ และภัยคุกคามสมัยใหม่ ตลอดจนสามารถบูรณาการแนวคิดดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการกำหนดนโยบายหรือข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
       การศึกษาดูงาน ณ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม 2568 คณะฯ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุป เพื่อศึกษาถึงบทบาทสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนตะวันออกของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศกัมพูชา การบรรยายได้สะท้อนถึงโครงสร้างการปฏิบัติงานของกองบัญชาการฯ แนวทางในการเฝ้าระวังภัยคุกคาม และแนวโน้มของอาชญากรรมข้ามชาติที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งรวมถึงการลักลอบ
ค้าแรงงาน สิ่งผิดกฎหมาย และภัยคุกคามสำคัญในพื้นที่เปราะบาง นอกจากนี้ยังได้เห็นภาพความร่วมมือสำคัญอันดีระหว่างไทย–กัมพูชาในพื้นที่จังหวัดตราด ในการรักษาเสถียรภาพของแนวชายแดนระยะยาว
       ในมิติของความมั่นคงทางทะเล คณะฯ ได้เรียนรู้ถึงกลไกการลาดตระเวนและการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และบทบาทสำคัญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางทะเล อาทิ การลักลอบขนสินค้าหนีภาษี การลักลอบขนแรงงานทางเรือ และความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใช้เส้นทางทะเลเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบ ความมั่นคงในพื้นที่ทะเลของจังหวัดตราดจึงมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเส้นทางเดินเรือระหว่างประเทศ และมีผลต่อภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย
ในน่านน้ำไทยต่อสายตานานาชาติ ตลอดจนการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่จึงมีความสำคัญยิ่งต่อการเฝ้าระวังอย่างมีประสิทธิภาพ
       การศึกษาดูงาน ณ สำนักงานจังหวัดตราด เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะฯ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุป เพื่อศึกษาถึงการดำเนินงานในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการชายแดน (พ.ศ. 2566 – 2570) ของจังหวัดตราด โดยผู้แทนจากสำนักงานจังหวัดได้ถ่ายทอดภาพรวมของนโยบายด้านความมั่นคงที่เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน การส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และการพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งล้วนมีบทบาททั้งในมิติความมั่นคงและการเติบโตของประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้แลกเปลี่ยนกับหน่วยงานด้านแรงงานและสาธารณภัยในประเด็นความท้าทายในปัจจุบัน ได้แก่ การบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ ปัญหาการค้ามนุษย์ และแนวทางในการป้องกันผลกระทบทางสังคมที่อาจบั่นทอนเสถียรภาพของพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งหารือถึงแนวทางการรับมือภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อความมั่นคงของประชาชนในพื้นที่
       การศึกษาดูงาน ณ ด่านชายแดนบ้านหาดเล็กและด่านศุลกากรคลองใหญ่ จังหวัดตราด เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะฯ ได้ลงพื้นที่ด่านชายแดนถาวรบ้านหาดเล็ก ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนสำคัญในการควบคุมการเข้า–ออกของบุคคลและการเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตราด ผู้แทนด่านศุลกากรคลองใหญ่ และผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบการตรวจคนเข้าเมือง การควบคุมสินค้านำเข้า–ส่งออก และบทบาทของด่านชายแดนในการส่งเสริมเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังได้หารือเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบบของการลักลอบนำเข้าสินค้า การลักลอบขนแรงงาน และการเคลื่อนไหวของเครือข่ายผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความเข้าใจระหว่างประชาชนไทยและกัมพูชาในพื้นที่แนวชายแดน เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางสังคมและวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน
       การศึกษาดูงานในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแบบองค์รวมต่อประเด็นความมั่นคงที่เชื่อมโยงทั้งระดับพื้นที่ ระดับประเทศ และบริบทระหว่างประเทศ ผู้เข้ารับการศึกษาได้เห็นถึงความสำคัญของการบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามยุคใหม่ ตลอดจนสามารถประเมินสถานการณ์จริง และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาแนวคิดเชิงนโยบายด้านความมั่นคงที่สอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน
       โดย สมศ. ได้จัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ให้แก่ผู้เข้ารับการศึกษา โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะในการวิเคราะห์สถานการณ์และจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายด้านความมั่นคง ผ่านการใช้เครื่องมือและเทคนิคด้านการวิเคราะห์สถานการณ์ ด้วยการฝึกใช้เทคนิค Risk Analysis เพื่อประเมินภัยคุกคาม ความเปราะบาง และโอกาสที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนอย่างเป็นระบบ จากนั้นผู้เข้าอบรมได้ร่วมกันพัฒนา “ฉากทัศน์อนาคตที่เป็นไปได้” (Alternative Future Analysis: AFA) ซึ่งเปิดโอกาสให้วิเคราะห์ผลกระทบจากตัวแปรสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงทิศทางของสถานการณ์ในระยะกลางถึงระยะยาว อาทิ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การค้า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สิ่งแวดล้อม
       ในการนี้ ผู้เข้าอบรมได้ฝึกจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายโดยใช้เทคนิค Pro-Cons-Fault-Fix ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้สามารถระบุจุดแข็ง จุดอ่อน ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางในการแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ โดยการวิเคราะห์และจัดทำข้อเสนอในลักษณะนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้ารับการศึกษามีความสามารถในการจัดทำรายงานและข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์ที่มีคุณภาพ เพื่อเสนอต่อสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในลำดับต่อไป อันจะช่วยต่อยอดกระบวนการเรียนรู้จากภาคสนามไปสู่การกำหนดแนวทางเชิงนโยบายที่สามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การดำเนินการคัดเลือกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการ คัดเลือกในตำแหน่งอื่นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

       ตามที่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดำเนินการคัดเลือกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งอื่น ได้แก่ นักจัดการงานทั่วไปปฏิบัติการของกรมกิจการผู้สูงอายุ ลำดับที่ ๒๔ ถึงลำดับที่ ๓๘ จำนวน ๑๕ ราย ซึ่งประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันได้เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๘ มาขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปฏิบัติการของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
       บัดนี้ สำนักงานสภาควานมั่นคงแห่งชาติ ได้แจ้งให้ผู้สอบแข่งขันในตำแหน่งและลำดับที่ของหน่วยงานเจ้าของบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ มาสมัครเข้ารับการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งสมัครได้เสร็จสิ้นแล้ว จึงขอประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง และกำหนดวันเวลา และสถานที่ในการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง ดังนี้

Loading

Top