ผู้เขียน: Theenaphat Kenyota

        สกมช. ได้จัดกิจกรรม NSCA Cyber Hygiene Certificates 2022 โดยให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และหน่วยงานประเภทอื่น ๆ ร่วมประเมินความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และการพัฒนาความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ และประเมิน Global Cybersecurity Indexn (GCI) หรือดัชนีความปลอดภัยไซเบอร์ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (Telecommunication Union: ITU) พร้อมทั้งผลักดันกลยุทธ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในการยกระดับขีดความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงาน
        ในการนี้ สมช. ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยมีผลการประเมิน คือ มีการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ขั้นต้นที่จำเป็นและได้รับใบประกาศนียบัตรสำหรับหน่วยงานที่เข้าร่วมกิจกรรม NSCA Cyber Hygiene Certificates 2022 (Certificate of Participation)

กองความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

        นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี จ.เลย ขอยกเลิกจุดผ่านแดนถาวรบ้านปากห้วย ต.หนองผือ อ.ท่าลี่ จ.เลย และตรวจสอบสภาพพื้นที่จุดผ่านแดนฯ ณ ที่ว่าการอำเภอท่าสี่ และจุดผ่านแดนถาวรบ้านปากห้วย อ.ท่าลี่ จ.เลย เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๖ โดยมี นายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ปลัดจังหวัดเลย และนายอำเภอท่าสี่ พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด่านศุลกากรท่าลี่ สถานีตำรวจภูธรท่าลี่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองท่าลี่ และกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี รวมทั้งภาคประชาชนเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมิตรภาพ ซึ่งที่ประชุมได้หารือข้อเท็จจริง ความเป็นมา และรับฟังความคิดเห็น รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมในการปิดจุดผ่านแดนถาวรดังกล่าวจากภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่ง สมช. จะนำข้อมูลที่ได้ประมวลนำเรื่องเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิด – ระงับหรือปิดจุดผ่านแดนประเภทต่าง ๆ ต่อไป

กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

        นาย Ky Blackman ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจร่วมด้านการรักษาอธิปไตยของชาติได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือในโอกาสเดินทางมาประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๖ ณ ห้องรับรองสิทธิ เศวตศิลา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล โดย ผบ.ฉก.ร่วมด้านการรักษาอธิปไตยของชาติออสเตรเลียกับ รอง ลมช. วรณัฐฯ ได้ร่วมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการชายแดนของออสเตรเลีย

กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

        เมื่อวันที่ ๑๗ – ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ได้บูรณาการร่วมกันจัดการประชุมหารือกับหน่วยราชการในพื้นที่การเพื่อติดตามประเด็นเขตแดน และตรวจพื้นที่บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ณ จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยมี นายทรงชัย ชัยปฏิยุทธ รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย (กต.) และนางสาวอัญชลี ดวงแก้ว ผู้อำนวยการกองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน (สมช.) นำคณะ พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงมหาดไทย กรมแผนที่ทหาร และกรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
        โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลและสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับพื้นที่ชายแดนและประเด็นเขตแดนบริเวณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ เขาพระวิหาร (ผามออีแดง) อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตลอดจนจุดผ่อนปรนการค้าช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนและนำไปสู่กำหนดนโยบายและท่าทีในการเจรจาเพื่อสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนกับฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งใช้โอกาสดังกล่าวในการทำความเข้าใจกับหน่วยงานในพื้นที่เกี่ยวกับประเด็นเขตแดนต่อไป

กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

      พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๖ ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ประชุมให้ความเห็นชอบ ดังนี้

      ๑. แผนขับเคลื่อนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (แผนระดับที่ ๓) รวม ๓ แผน ดังนี้ ๑) (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการชายแดน และการสร้างความสมดุลระหว่างการรักษาความมั่นคง ความปลอดภัยคนและชุมชนในพื้นที่ชายแดนและชายฝั่งทะเล ควบคู่กับการส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคส่วนต่าง ๆ และเร่งรัดดำเนินการนำไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ๒) (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการก่อการร้าย (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) มุ่งเน้นการป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันในการรับมือกับภัยก่อการร้าย (Prevention) การเสริมสร้างการตอบโต้ต่อเหตุวิกฤตจากการก่อการร้าย (Countering) และการเสริมสร้างการฟื้นตัวภายหลังเกิดเหตุวิกฤตก่อการร้ายให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว และ ๓) (ร่าง) แผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) มุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันตอบสนอง และบริหารจัดการ ตั้งแต่ในภาวะปกติ เพื่อให้ประเทศพร้อมบริหารสถานการณ์ในวิกฤติ ครอบคลุม ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) โรคภัยติดต่ออุบัติใหม่และโรคติดต่ออุบัติซ้ำ (๒) ก่อการร้าย (๓) ภัยความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (๔) วิกฤตด้านพลังงาน และ (๕) วิกฤตด้านอาหาร โดยให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมและการบูรณาการทรัพยากรที่จำเป็น ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการวิกฤตการณ์

      ๒. การจัดทำรายงานการศึกษาของคณะที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ รวม ๔ เรื่อง ๑) แนวโน้มสถานการณ์ของโลกปี ๒๕๖๖ (Security Outlook 2023) ๒) กรอบแนวทางการจัดทำดัชนีความมั่นคงของประเทศไทย ๓) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจในมิติทางทะเล และ ๔) แนวทางการกำหนดนโยบาย/จุดยืน/ผลประโยชน์ของไทยที่เป็นรูปธรรมในสถานการณ์การแข่งขันของมหาอำนาจที่รุนแรงในปัจจุบัน

      ที่ประชุมได้รับทราบ ดังนี้ ๑) ภาพรวมผลการดำเนินงานในการรักษาความมั่นคง ประจำปี ๒๕๖๕ และแผนบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ตามยุทธศาสตร์ชาติ นโยบาย และแผนระดับชาติว่าด้านความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความมั่นคง ๒) ผลการฝึกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี ๒๕๖๕ มุ่งเน้นความพร้อมของหน่วยงานและผู้ปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติงานภายใต้ระบบบัญชาการเหตุการณ์เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ระดับชาติ และ ๓) ความคืบหน้าการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน – สตึงบท) อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ที่รัฐบาลเร่งรัดให้มีการดำเนินการเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจในพื้นที่ และ ๔) การดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้ ๑) การบูรณาการการปฏิบัติร่วมกันระหว่าง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกระทรวงมหาดไทย ๒) การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและยุติธรรม เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่จะทำความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และ ๓) ให้มีการยกระดับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนภายในประเทศ และต่างประเทศ

กองนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

      ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข. ได้จัดทำวารสาร “นโยบายการขนส่งและจราจร” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับผลการดำเนินงานด้านการขนส่งและจราจร ของ สนข. และสร้างความรู้ความเข้าใจต่อการพัฒนาระบบขนส่งและจราจร รวมทั้งเพื่อสร้างภาพลักษณ์ และสร้างการจดจำในภารกิจและชื่อขององค์กร ไปสู่สังคมทุกภาคส่วนอย่างแพร่หลายและเพื่อเป็นช่องทางให้สามารถนำผลการศึกษาต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างจริงจัง โดยมีกำหนดเผยแพร่เป็นราย ๓ เดือนต่อปี

      เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๖ คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ได้จัดการสัมนนาเรื่อง “การแถลงผลการจัดทำแผนการขับเคลื่อนและแผนปฏิบัติการแบบบูรณาการในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่สำคัญ พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐” โดยมีพลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมาธิการ เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดการสัมมนา คณะกรรมาธิการให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนการขับเคลื่อนและแผนปฏิบัติการด้านต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมกันคิดและวางแผนการดำเนินการอย่างพิถีพิถันให้เป็นรูปธรรม ให้เห็นความสำเร็จก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายในห้วงระยที่ ๒ ของ ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง คือ “ปัญหาเก่าหมดไป ปัญหาใหม่ไม่เกิด” ดังนั้นการวางแผนฯ ในครั้งนี้จะต้องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจะสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายและเวลาที่กำหนดไว้ในปี พ.ศ. ๒๕๗๐

      เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติได้เข้าร่วมเป็นเกียรติในการสัมมนาฯ ดังกล่าว โดยในส่วนการแถลง มีรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นายวรณัฐ คงเมือง) แถลงแผนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงในภาพรวม และแผนย่อยการพัฒนากลไกการบริหารจัดการความมั่นคงแบบองค์รวม ได้ชี้แจงบริบทและสถานการณ์ด้านความมั่นคงคงในรอบ ๕ ปี ไปจนถึงแนวคิดการขับเคลื่อนและแนวทางการถ่ายทอดไปสู่การปฏิบัติ และมีผู้แทนกองความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้และชนต่างวัฒนธรรม ร่วมกับผู้แทน
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค ๔ ส่วนหน้า และผู้แทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ แถลงแผนปฏิบัติการ “ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้” นอกจากนี้ผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ ได้แถลงแผนการขับเคลื่อนแผนย่อย และแผนปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่สำคัญ อาทิ แผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด แผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แผนการแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์ และแผนตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

กองนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

        พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/ประธานกรรมการนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เป็นประธานการประชุมฯ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ เมื่อวันพุธที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๖ ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นชอบ ๓ เรื่อง ดังนี้ ๑) (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างให้พื้นที่ชายแดนมั่นคงปลอดภัย สร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงได้อย่างสมดุล ๒) (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการก่อการร้าย (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ซึ่งมุ่งเน้น ๓ แนวทางดำเนินการสำคัญ ได้แก่ การป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันในการรับมือกับภัยก่อการร้าย (Prevention) การเสริมสร้างการตอบโต้ ต่อเหตุวิกฤตจากการก่อการร้าย (Countering) และการเสริมสร้างการฟื้นตัวภายหลังเกิดเหตุวิกฤตก่อการร้ายให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว (Resilience) ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการป้องกันภัยก่อการร้าย โดยเฉพาะการก่อการร้ายทางไซเบอร์ และการเฝ้าระวังบุคคลที่มีแนวคิดสุดโต่ง และ ๓) (ร่าง) แผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการเตรียมพร้อมของประเทศให้พร้อมเผชิญกับวิกฤตการณ์ระดับชาติ และพัฒนาศักยภาพในการแก้ไข ตอบสนอง และบริหารจัดการวิกฤตการณ์ระดับชาติ โดยให้นำเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบ ๑) การดำเนินการตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ และ ๒) ผลการดำเนินงานของคณะที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสถาบันความมั่นคงศึกษา

กองนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ