Accessibility Tools

Skip to main content
เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 น. - 16.30 น.
ขนาดตัวอักษร
สีตัวอักษร

ผู้เขียน: Theenaphat Kenyota

การดำเนินการคัดเลือกจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งอื่นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

       ด้วย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จะดำเนินการคัดเลือกบุคคลจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในตำแหน่งนักวิชาการพัสดุปฏิบัติการ ของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ตามประกาศกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ และตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไป ของกรมกิจการผู้สูงอายุตามประกาศกรมกิจการผู้สูงอายุ ลงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๖๗ มาประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เพื่อขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ดังนี้

Loading

🌐 Program Highlights “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025”

🌐 Program Highlights
“The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025”
📅 24–27 June 2025 | 📍Centara Grand at CentralWorld, Bangkok, Thailand
.
Join a landmark global forum on ethical AI — for the first time in the Asia-Pacific! World leaders and experts shaping inclusive, human-centered AI for all.
.
June 24TH : Setting the Groundwork for Global Collaboration
The forum begins with high-level working meetings and strategic sessions aimed at fostering cross-border cooperation and shaping regional pathways for ethical AI governance.
Key Highlights:
• Parallel Working Meetings (3 rooms)
• Strategic Briefing Session
• Ministerial Session (closed-door)
.
These discussions will pave the way toward shared governance models and practical regional frameworks.
.
June 25TH : Shaping the Global Vision for Ethical AI
(Morning) – Official Opening Session
(Afternoon) – High-level plenary discussions on aligning technology, policy, and innovation with public good.
Key Highlights:
•Technology, Policy and Innovation for Good
•Fostering Global Dialogue on AI for a Collective Future
•Harnessing the Full Potential of AI through Demand-driven Investment
.
June 26TH : Deep Dive into Sustainable and Responsible AI
(Morning) – Joint plenary session
(Afternoon) – Thematic parallel sessions (4 rooms) focusing on inclusive AI applications and accountability frameworks.
Key Highlights:
•Amplifying the Voices of CSOs and Academic Institutions in AI
•ASEAN in Focus: RAM Implementation and Beyond
•Environment and Ecosystems: Policy Pathways to Nature-Positive AI
•AI in Education: The Future of Learning and Human Capital
•Rethinking Corporate Responsibility in the Age of AI
•AI Policy: Towards a Global Network of Competent Authorities
•AI and Online Fraud
.
👥 By Invitation Only
🧭 Welcoming over 800 participants from 194 countries, this exclusive forum features more than 20 sessions bridging AI ethics and policy across sectors worldwide.
.
This is not just a forum It’s a defining moment for the world to lay the foundation for ethical and sustainable AI.
.
🔗 Learn more: https://www.globalforumethicsai.com/
——————-
🌐 เปิดไฮไลท์โปรแกรม The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025
📅 24–27 มิถุนายน 2568 📍 เซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
งานประชุมระดับนานาชาติด้าน จริยธรรมและการกำกับดูแล AI ครั้งสำคัญ
จัดขึ้นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก
เวทีสำหรับผู้นำระดับโลก นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางการพัฒนา AI อย่างเป็นธรรม ครอบคลุม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
โดยมีไฮไลท์ โปรแกรมที่น่าสนใจ ดังนี้
24 มิ.ย.
เริ่มต้นด้วยการประชุมเชิงกลยุทธ์และการประชุมแบบคู่ขนาน เพื่อหารือเชิงลึกในกลุ่มปิด โดยมีทั้ง
• Working Meetings (3 ห้องคู่ขนาน)
• Strategic Briefing Session
• Ministerial Session ระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารนโยบายระดับสูง
เวทีวันนี้จะปูทางไปสู่แนวทางความร่วมมือด้านการกำกับดูแล AI ระหว่างประเทศ
และการออกแบบโมเดลธรรมาภิบาลที่ใช้ได้จริงในระดับภูมิภาค
.
25 มิ.ย.
เปิดมุมมองโลก สู่การกำหนดทิศทางครั้งใหญ่ของอนาคตจริยธรรม AI
(ช่วงเช้า) Opening session อย่างเป็นทางการ
(ช่วงบ่าย) meeting session เสวนาเวทีใหญ่ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยี นโยบาย และนวัตกรรม เพื่อจุดประกายความร่วมมือระดับโลก
ภายใต้ Topic เด่น
•Technology, Policy and Innovation for good
•Fostering Global Dialogue on AI for a Collective Future
•Harnessing the Full Potential of AI through Demand-driven Investment
.
26 มิ.ย.

วันแห่งการเจาะลึกครบทุกมิติ การขับเคลื่อนการใช้ AI อย่างยั่งยืนและมีธรรมาภิบาล
(ช่วงเช้า) เสวนารวมในห้องใหญ่
(ช่วงบ่าย) เสวนาย่อย กับ 4 ห้องประชุมคู่ขนานแบบ thematic
ภายใต้ Topic เด่น
•Amplifying the Voices of CSOs and Academic Institutions in AI: Collaboration, Knowledge, and Action
•ASEAN in focus: RAM implementation and beyond
•Environment and ecosystems: policy pathways to reach nature-positive AI
•AI in Education: future of learning and human capital in the age of AI
•Rethinking Corporate Responsibility in the Age of AI
•AI Policy: towards a Global Network of Competent Authorities on AI
•AI and online Fraud
👥 เฉพาะผู้เข้าร่วมที่ได้รับเชิญ กว่า 800 คน จาก 194 ประเทศ
🧭 มากกว่า 20 เวที ที่เชื่อมโยงจริยธรรมและนโยบาย AI จากทุกภาคส่วนของโลก
.
นี่ไม่ใช่แค่งานประชุม
แต่นี่คือช่วงเวลาที่โลกจะร่วมกัน “วางรากฐาน AI ที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม”
🔗 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่: https://www.globalforumethicsai.com/
.
#GlobalForumEthicsAI25 #AIinMotion #AIEthics #EthicsOfAI #AIGovernanace #UNESCO #AIForum #MDES #DE #MHESI #mhesithailand #NECTEC #กระทรวงศึกษาธิการ #GlobalForum #ETDAThailand #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล

Loading

การประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนย่อยด้านการพัฒนากลไกการบริหารจัดการความมั่นคงแบบองค์รวม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘

       นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนย่อยด้านการพัฒนากลไกการบริหารจัดการความมั่นคงแบบองค์รวม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมได้รับทราบผลการทบทวนระยะครึ่งแผนของนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) และผลการพิจารณาโครงการเพื่อขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง (โครงการสำคัญ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ตลอดจนความคืบหน้าการจัดทำ (ร่าง) การพัฒนากลไกการบริหารจัดการความมั่นคง
       ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ รอบ ๖ เดือน (การดำเนินการระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ถึง ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘) และเห็นชอบแนวทางการเร่งรัดการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้นำไปใช้เป็นกรอบในการเร่งรัดและปรับปรุงการดำเนินการในห้วงที่เหลือของปีงบประมาณให้สามารถบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงและนโยบายรัฐบาลต่อไป

กองนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

รองนายกฯ ประเสริฐ เช็กความพร้อม The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 พร้อมเตรียมเปิดศูนย์ AI Governance Practice Center ดันไทยสู่ผู้นำ AI ระดับภูมิภาค

       เมื่อเร็วนี้ๆ – นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดการประชุมวิชาการ “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ครั้งที่ 3/2568 โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี ในฐานะรองประธานกรรมการร่วม ตลอดจนคณะผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมกว่า 23 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.), กระทรวงการต่างประเทศ (กต.), กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักงบประมาณ, สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.), บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) (BDI), บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รวมถึง สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการจัดการประชุมดังกล่าว ณ ห้องประชุมชั้น 10 สำนักงานใหญ่ NT และผ่านระบบการประชุมทางไกล

       นายประเสริฐ เผยในที่ประชุมว่า จากการประชุม “คณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee)” ครั้งที่ 1/2568 ที่ผ่านมา ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มุ่งผลักดันแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศ AI ให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อน AI แห่งภูมิภาค และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนากำลังคนด้าน AI ให้มีจำนวนเพียงพอครอบคลุมทุกระดับของการใช้งาน ทั้งภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เกษตรกรรม ทางการแพทย์ ฯลฯ รวมถึงการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ทั้งส่งเสริมการลงทุนระบบ Cloud Data Center, ระบบประมวลผล GPU, การพัฒนาแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์เปิด (Open Source AI Platform) ให้เพียงพอ และจัดตั้ง Data Bank โดยผลักดันข้อมูลภาครัฐสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบภายในปี 2569

       “การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ระหว่างวันที่ 24–27 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นับเป็น โอกาสสำคัญของประเทศ ในการแสดงบทบาทเชิงรุกบนเวทีโลกด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาลของ AI ซึ่งเวทีนี้จะเปิดโอกาสให้ไทยได้แสดงศักยภาพความพร้อมด้านนโยบายและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล พร้อมยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรมในระดับภูมิภาค โดยมี 2 จุดเน้นสำคัญที่ไทยจะนำเสนอในเวทีนี้ ได้แก่ การอัปเดตแผนการขับเคลื่อน โครงการ AI Governance Practice Center ศูนย์กลางการพัฒนาขีดความสามารถด้าน AI Governance แห่งแรกของอาเซียนที่จะเป็น Hub มุ่งส่งเสริมศักยภาพให้กับประเทศกำลังพัฒนาเกิดการนำแนวทางนโยบายและจริยธรรมของ UNESCO ไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระดับภูมิภาค รวมถึงการนำเสนอ Monitoring Dashboard of Thailand เครื่องมือโมเดลต้นแบบการพัฒนาจริยธรรม AI เพื่อสนับสนุนการกำกับดูแล AI อย่างยั่งยืน สอดคล้องตามมาตรฐานสากล”

       พร้อมกันนี้ ในที่ประชุม ยังได้มีการอัปเดตความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมในการจัดงาน ที่ล่าสุด ได้รับเกียรติจาก Ms. Audrey Azoulay, Director-General of UNESCO ที่ตอบรับเข้าร่วมการประชุมฯ อย่างเป็นทางการ ถือเป็นสัญญาณที่สะท้อนถึงความสำคัญของเวทีนี้ในระดับโลก และความเชื่อมั่นที่มีต่อบทบาทของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ นอกจากนี้ ยังมีการรายงานความพร้อมของการจัดกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นข้างเคียงในรูปแบบ Side Event ควบคู่กับการประชุมวิชาการ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะภาคเอกชน และภาคการศึกษา ได้มีส่วนร่วมไปพร้อมๆ กัน ผ่านหลากหลายกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้ง 4 วัน อาทิ นิทรรศการและการสาธิตนวัตกรรมด้าน AI โดยภาคเอกชน, กิจกรรม AI Pitching ภายใต้หัวข้อ “Beyond Green: AI for a Thriving Future Pitch Competition” จัดโดย AI Engineering Institute (AIEI) และ CMKL University ซึ่งมีผู้สมัครจากทั่วโลกกว่า 280 โครงการ, กิจกรรม Call for Papers โดยมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งเปิดรับบทความทางวิชาการ เพื่อนำเสนอและอภิปรายร่วมกันในงาน โดยขณะนี้มีผู้ส่งผลงานแล้วกว่า 500 ชิ้น, การแข่งขัน AI Project ระดับมัธยมศึกษา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสู่เยาวชนรุ่นใหม่, กิจกรรมจาก CNBC Business Event ที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงงานกับภาคการลงทุนและเศรษฐกิจ AI ของประเทศไทย เป็นต้น เพื่อร่วมกันยกระดับกรุงเทพมหานคร ให้เป็น ‘ศูนย์กลางด้านจริยธรรมและนโยบาย AI’ แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้ร่มใหญ่ ‘Bangkok AI Week 2025’ ที่ทุกภาคส่วน จะมาร่วมกันขับเคลื่อนอนาคตของ AI ที่โปร่งใส เป็นธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง – ติดตามความเคลื่อนไหวของการประชุม The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ได้ที่เพจ ETDA Thailand

Loading

รองนายกฯ ประเสริฐ เช็กความพร้อม “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ลุยเปิดศูนย์ AI Governance Practice Center แห่งแรกของอาเซียน​

       รองนายกฯ ประเสริฐ เช็กความพร้อม “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ลุยเปิดศูนย์ AI Governance Practice Center แห่งแรกของอาเซียน​
.​
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเพื่อเตรียมการจัดการประชุม “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” ครั้งที่ 3/2568 พร้อมด้วย ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี ในฐานะรองประธานกรรมการร่วม และนายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA กรรมการและเลขานุการ ตลอดจนคณะผู้บริหาร ผู้แทนจากกว่า 23 หน่วยงาน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 10 สำนักงานใหญ่ NT และผ่านออนไลน์​
.​
รองนายกฯ เผยในที่ประชุมว่า จากการประชุม ‘บอร์ด AI แห่งชาติ’ ครั้งที่ 1/2568 ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา รัฐบาลมุ่งผลักดันแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศ AI ให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อน AI แห่งภูมิภาค และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศในทุกมิติ ผ่านการขับเคลื่อนบุคลากร และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ทั้งระบบ Cloud Data Center, Open-source AI platform และจัดตั้ง Data Bank เพื่อผลักดันข้อมูลภาครัฐสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบภายในปี 2569​
.​
ไทยพร้อมประกาศบทบาทระดับโลก สู่ศูนย์กลางด้านจริยธรรมและนโยบาย AI แห่งภูมิภาค​
.​
การที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ “The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025” 📅 วันที่ 24–27 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นับเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญ ที่สะท้อนถึง “ความเชื่อมั่นระดับนานาชาติ” และเปิดโอกาสให้ไทยแสดงบทบาทเชิงรุกในการร่วมกำหนดอนาคตของ AI ที่ยั่งยืน มีจริยธรรม และเคารพสิทธิมนุษยชน​
.​
เวทีนี้ ไทยจะร่วมนำเสนอความพร้อมต่อนานาประเทศใน 2 เรื่องสำคัญ​
✅ AI Governance Practice Center ศูนย์กลางพัฒนาขีดความสามารถด้านการกำกับดูแล AI แห่งแรกของอาเซียน เพื่อเป็นพื้นที่ความร่วมมือระดับภูมิภาคภายใต้กรอบของ UNESCO​
✅ Monitoring Dashboard of Thailand เครื่องมือต้นแบบสำหรับติดตามและประเมินการพัฒนา AI อย่างมีธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบาย และการออกแบบมาตรการด้านจริยธรรม AI อย่างยั่งยืน​
.​
ล่าสุด Ms. Audrey Azoulay, Director-General of UNESCO ให้เกียรติตอบรับเข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการแล้ว สะท้อนถึงความสำคัญของเวทีนี้ในระดับโลกและความเชื่อมั่นที่มีต่อบทบาทของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพร่วม​
.​
ภายในงานยังจัดเต็มด้วยกิจกรรม Side Events ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนมาร่วมออกแบบอนาคต AI ด้วยกัน ภายใต้ร่มใหญ่ของ Bangkok AI Week 2025 ผ่านกิจกรรมไฮไลต์ อาทิ:​
🌟 นิทรรศการนวัตกรรม AI โดยภาคเอกชนชั้นนำ​
🌟 AI Pitching: “Beyond Green: AI for a Thriving Future” โดย AIEI & CMKL – มีผู้ส่งผลงานกว่า 280 โครงการจากทั่วโลก​
🌟 Call for Papers โดยมหาวิทยาลัยบูรพา – มีบทความส่งเข้าร่วมแล้วกว่า 500 ชิ้น​
🌟การแข่งขัน AI Project ระดับมัธยมศึกษา ​
🌟กิจกรรม CNBC Business Event ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนทางด้าน AI ในประเทศไทย​
.
นี่ไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นของนโยบาย AI แต่คือเวทีวางรากฐานระบบนิเวศ AI ที่โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน พร้อมร่วมยกระดับกรุงเทพฯ สู่ Landmark ด้านจริยธรรมและนโยบาย AI แห่งเอเชีย ภายใต้ร่มใหญ่ของ Bangkok AI Week 2025​
.​
ติดตามความเคลื่อนไหว​
‘The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025’​
📅 24-27 มิถุนายน 2568 ที่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ​
ที่ เว็บไซต์ https://www.globalforumethicsai.com/ หรือ FB : ETDA Thailand​
. ​
#BangkokAIWeek2025 #BangkokAIWeek #GlobalForumEthicsAI25 #AIinMotion #AIEthics #EthicsOfAI #AIGovernanace #UNESCO #AIForum #MDES #DE #MHESI #mhesithailand #NECTEC #กระทรวงศึกษาธิการ #GlobalForum #ETDAThailand #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล

Loading

การประชุมสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๘

       เมื่อวันพุธที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะ สมช. ได้เข้าร่วมการประชุมสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๘ ณ ห้องประชุมปัญจเพชร ชั้น ๓ อาคาร ศอ.บต. อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เพื่อชี้แจงและรับฟังความเห็นต่อการจัดทำ (ร่าง) นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๖๘ – ๒๕๗๐ ซึ่ง สมช. จัดทำขึ้นตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยถือเป็นแผนที่อยู่ภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ และยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้ง ถือเป็นกรอบทิศทางหลักให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ครอบคลุมทั้งมิติงานด้านความมั่นคงและด้านการพัฒนา โดยมุ่งเน้นการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของนโยบายฯ ที่ว่า “จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าสู่ภาวะปกติที่ปราศจากความรุนแรง และได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของความหลากหลายทางวัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน” ต่อไป

กองความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้และชนต่างวัฒนธรรม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย – กัมพูชา (General Border Committee Thailand – Cambodia ครั้งที่ ๑๗)

       การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย – กัมพูชา (General Border Committee Thailand – Cambodia ครั้งที่ ๑๗) เมื่อวันที่ ๑ พ.ค. ๖๗ ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอร์ราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นรม. / รมว.กห.ไทย และ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รอง นรม. / รมว.กห.กัมพูชา เป็นประธานร่วม โดยมี รรท.รอง ลมช. สรพงค์ ศรียานงค์ เป็นผู้แทน สมช. / กรรมการ GBC ไทย – กัมพูชา เข้าร่วมการประชุม
       ที่ประชุมได้หารือการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความสงบเรียบร้อยและมันคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน รวมทั้งเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยและกัมพูชาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยทั้งสองประเทศได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านต่าง ๆ ระหว่างกองทัพทั้งสองประเทศในทุกระดับอันจะนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงตลอดแนวชายแดน
       ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงความก้าวหน้าความร่วมมือในพื้นที่ชายแดน โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการพิจารณาทบทวนผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามโครงการความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย จากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป กัมพูชา-ไทย ครั้งที่ ๑๖ ที่จัดขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๖๗ เช่น ความร่วมมือในการผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยกับหน่วยทหารและตำรวจของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน ความร่วมมือด้าน การเกษตร ความร่วมมือด้านสาธารณสุข และความร่วมมือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ซึ่งที่ประชุมสรุปว่าที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทางและมาตรการที่กำหนดไว้
ที่ประชุมเห็นชอบที่จะสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันในการดำเนินงานเพื่อการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพตามพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ ตามแนวทางและมาตรการที่กำหนดไว้ในบันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป กัมพูชาไทย ครั้งที่ ๑๗ ที่ได้ตกลงกันไว้ในทุกประเด็น โดยมีความร่วมมือที่สำคัญ เช่นปัญหา Online Scams ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการลดและปราบปราม อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ด้วยมาตรการดังนี้ (๑) การควบคุมชายแดนอย่างเข้มงวด (๒) การบูรณาการข้อมูล / ด้านการข่าว (๓) การจำกัดสิ่งอำนวยความสะดวกเครื่องวิทยุ คมนาคม ที่ผิดกฎหมายที่สนับสนุนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (๔) การสื่อสารทางยุทธศาสตร์ และ (๕) แนวทางการขับเคลื่อนกลไกการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
       ที่ประชุมยังหารือปัญหาการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยให้มีการจัดตั้งกลไกความร่วมมือ ส่วนปัญหาไฟป่า หมอกควันข้ามแดน ให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสาร องค์ความรู้ และเทคโนโลยีในการติดตามสถานการณ์ พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่ายจะดำรงความสัมพันธ์และมุ่งมั่นเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงชายแดนในทุก ๆ ด้าน อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พื้นที่ชายแดนของสองประเทศมีความสงบสุข มันคง และได้รับการพัฒนาร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และหลังจากนี้ ฝ่ายกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๘

กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

ประกาศรับสมัครงาน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดรับสมัคร พนักงานจ้างเหมาบริการ (เจ้าหน้าที่โครงการ) สังกัด สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.) ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน

       สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดรับสมัคร พนักงานจ้างเหมาบริการ (เจ้าหน้าที่โครงการ) สังกัด สถาบันความมั่นคงศึกษา ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน รายละเอียดดังนี้

Loading

ประกาศรับสมัครงาน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดรับสมัคร พนักงานจ้างเหมาบริการ (เจ้าหน้าที่โครงการ) สังกัด สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.) ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป

       สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดรับสมัคร พนักงานจ้างเหมาบริการ (เจ้าหน้าที่โครงการ) สังกัด สถาบันความมั่นคงศึกษา ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป รายละเอียดดังนี้

Loading

การเข้าพบและหารือข้อราชการระหว่าง นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ นางสาวแทมมี่ ลินน์ ชาร์ป (Tammi Lynn Sharpe) ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย

       เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. นางสาวแทมมี่ ลินน์ ชาร์ป (Tammi Lynn Sharpe) ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้เข้าพบและหารือข้อราชการกับนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในประเด็นความร่วมมือเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติกลุ่มต่าง ๆ พร้อมทั้งหารือแนวทางการทำงานร่วมกันในระยะต่อไป

กองความมั่นคงภายในประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

สมช. ร่วมหารือกรมการปกครอง พิจารณารายละเอียด (ร่าง) แผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อแก้ปัญหาบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ พ.ศ. 2568 – 2570

       เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน 2568 นายรพี โล่ชัยยะกูล ผู้อำนวยการกองความมั่นคงภายในประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ สมช. เดินทางไปยังสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง คลอง 9 อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เพื่อหารือรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทำ (ร่าง) แผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อแก้ปัญหาบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ พ.ศ. 2568 – 2570 ตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลในกลุ่มชาติพันธุ์และผู้ติดตามแรงงาน ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2568
       การหารือดังกล่าวจัดขึ้นร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่จากกรมการปกครอง นำโดยนางสาวสุกัญญา ดีด้วยชาติ ผู้อำนวยการส่วนสัญชาติและการทะเบียนและบัตรประจำตัวบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทย สำนักบริหารการทะเบียน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารการทะเบียนและสำนักกิจการความมั่นคงภายใน ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นควรให้ปรับชื่อ (ร่าง) แผนฯ เป็น (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการแก้ปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติ พ.ศ. 2568 – 2570 เพื่อให้สอดคล้องกับคำนิยามของกลุ่มเป้าหมายตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร โดยให้ใช้ (ร่าง) แผนฯ ฉบับนี้เป็นแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 เป็นลำดับแรก รวมถึงภารกิจตามหน้าที่และอำนาจของกรมการปกครอง ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสัญชาติและกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
       ทั้งนี้ สมช. จะได้นำ (ร่าง) แผนฯ ที่ผ่านการหารือกับกรมการปกครองครั้งนี้ ไปขอรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากภาควิชาการ และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ (ร่าง) แผนฯ มีความครบถ้วน สมบูรณ์ และรอบด้านมากยิ่งขึ้น โดยจะได้เสนอคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลฯ พิจารณาความเหมาะสมในภาพรวมต่อไป

กองความมั่นคงภายในประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

“พิธีมอบนโยบายและเปิดการสัมมนาตามโครงการเร่งรัดการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567”

       เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายและเปิดการสัมมนาตามโครงการเร่งรัดการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 โดยมี นายรพี โล่ชัยยะกูล ผู้อำนวยการกองความมั่นคงภายในประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมงานดังกล่าว ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 2-4 ชั้น 4 ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
       สำหรับการประชุมและสัมมนาในครั้งนี้ นายรพี โล่ชัยยะกูล ผู้อำนวยการกองความมั่นคงภายในประเทศ ได้บรรยายในหัวข้อ “ความเป็นมาและความสำคัญของหลักเกณฑ์เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗” ซึ่งหลักเกณฑ์ครั้งนี้เสนอโดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีสาระสำคัญในการเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้มีขั้นตอนและระยะเวลาใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ก่อนแล้ว โดยกลุ่มเป้าหมายมีจำนวนทั้งสิ้น 483,626 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน จำนวน 340,101 คน และ ๒) กลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร จำนวน 143,525 คน จะต้องยื่นคำขอเพื่อยืนยันและรับรองคุณสมบัติของตนเองในด้านความประพฤติแทนการส่งไปตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและตรวจสอบพฤติการณ์ด้านความมั่นคง เพื่อเร่งรัดคุ้มครองสิทธิของประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นกำหนดให้ลดขั้นตอนและระยะเวลาดำเนินการ จากเดิมใช้ระยะเวลา 270 วัน คงเหลือ 5 วัน
       หลังจากนี้ หลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐนตรีดังกล่าวจะนำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่บุคคลกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงสิทธิตามกฎหมายและสิทธิขั้นพื้นฐานอื่น ๆ โดยยึดหลักความสมดุลระหว่างหลักสิทธิมนุษยชนกับความมั่นคงของชาติ

กองความมั่นคงภายในประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

Top