Skip to main content
เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 น. - 16.30 น.
ขนาดตัวอักษร
สีตัวอักษร

ข่าวประชาสัมพันธ์

สรุปผลการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สำนักงานประสานงานกลาง (ศบค.) เรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร วันที่ ๒๑ พ.ค. ๒๕๖๓ สมช. ทำเนียบรัฐบาล

              การประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมี พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานประสานงานกลาง (ศบค.) เป็นประธาน ณ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ ชั้น ๓ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล

              ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก ๑ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ และสิ้นสุดในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ เพื่อเป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19

              สำหรับเหตุผลที่สำคัญในการดำเนินการ ที่ประชุมเห็นว่าแม้ในห้วงระยะที่ผ่านมารัฐบาลจะได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นต่าง ๆ โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง อันจะช่วยบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนโดยเฉพาะฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อชะลอ ควบคุม และป้องกัน การแพร่ระบาดในราชอาณาจักรของโรคโควิด – 19 มิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้นและมีผลการดำเนินการที่ประสบผลสำเร็จได้ตามเป้าหมายเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังคงไม่สิ้นสุด โดยมีข้อมูลว่าหลายประเทศยังคงมีการระบาดและมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูง และเมื่อได้ผ่อนคลายหรือยกเลิกมาตรการควบคุมแล้วกลับพบการระบาดของโรคระลอกใหม่ในระดับรุนแรง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่การปฏิบัติงานของรัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการชะลอ ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดในราชอาณาจักรของโรคโควิด – 19 จะยังต้องสามารถดำเนินการต่อไปให้ได้อย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยและการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชนเป็นสำคัญ

              เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ที่ประชุมเห็นว่าอำนาจตามพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ ยังคงมีความจำเป็นและจะต้องมีการบังคับใช้ต่อไปอีกห้วงระยะหนึ่ง ทั้งนี้ เนื่องจากหากนำกฎหมายฉบับอื่นมาใช้บังคับแทน อาทิ พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ให้ความสำคัญกับมาตรการทางสาธารณสุขเป็นสำคัญเพียงด้านเดียว อาจจะทำให้เกิดการให้ความสำคัญกับด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไปในการบูรณาการกับภาคส่วนอื่น ๆ

              อีกทั้งยังพบข้อจำกัดในการดำเนินการ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความเป็นเอกภาพและความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากกลไกตามกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจแก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครภายใต้รูปแบบของคณะกรรมการสามารถใช้ดุลพินิจเพื่อบังคับใช้กฎหมายภายในเขตพื้นที่รับผิดชอบของตนได้อย่างอิสระ ดังนั้นหากมีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร อาจส่งผลให้เกิดแนวปฏิบัติที่หลากหลายขึ้น ในแต่ละพื้นที่ จนทำให้ขาดมาตรฐานกลาง มีความซ้ำซ้อน และขาดความชัดเจนรวมทั้งไม่เป็นเอกภาพในการปฏิบัติงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ต้องปฏิบัติการตามกฎหมายได้

              นอกจากนี้ หากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ส่งผลเสียหายต่อประชาชนและภาครัฐมีความจำเป็นจะต้องเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะไม่สามารถกำหนดแนวทางการเยียวยาได้อย่างบูรณาการและครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงในภาพรวมของประเทศอีกด้วย

              ในขณะที่การใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.๒๕๔๘ จะกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ใช้อำนาจตามกฎหมาย ทำให้มีความต่อเนื่องและเจ้าหน้าที่ได้รับอำนาจอย่างเพียงพอในการปฏิบัติงานดังเช่นในปัจจุบันแล้ว ยังส่งผลให้การปฏิบัติงานมีความรวดเร็ว เป็นเอกภาพ และมีบทลงโทษที่ส่งผลเชิงจิตวิทยา นอกจากนี้ รัฐยังสามารถกำหนดแนวทางเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้อย่างครอบคลุมและเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอีกด้วย โดยเหตุผลดังกล่าว ที่ประชุมจึงเห็นควรเสนอให้มีการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อป้องกันและระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ต่อไป อีก ๑ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ และสิ้นสุดในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓

สำนักงานประสานงานกลาง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓
ดูข่าวที่เกี่ยวข้อง   11.00 น. พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ แถลงผลการประชุมประเมินสถานการณ์หลังการคลายล็อกเฟส2 (21 พ.ค. 63)#ThaiPBS #COVID19 #โควิด19

แชร์เลย

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

Top
Page Reader Press Enter to Read Page Content Out Loud Press Enter to Pause or Restart Reading Page Content Out Loud Press Enter to Stop Reading Page Content Out Loud Screen Reader Support