ผู้เขียน: Theenaphat Kenyota

        พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยพร้อมด้วย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR ExCom) สมัยที่ ๗๓ ระหว่างวันที่ ๑๐ – ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยได้กล่าวถ้อยแถลงนำเสนอนโยบายของไทยในการให้ความช่วยเหลือผู้โยกย้ายถิ่นฐานกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการดำเนินงาน ตลอดจน การเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้าน สิทธิมนุษยชนของไทย จากการมีส่วนร่วมกับนานาประเทศในการให้ความช่วยเหลือผู้โยกย้ายถิ่นฐานกลุ่มต่าง ๆ โดยยึดถือหลักการด้านมนุษยธรรมและแบ่งเบาภาระความรับผิดชอบร่วมกัน

กองความมั่นคงภายในประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

        นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง (พ.ศ. 2566 – 2570) ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล
        ที่ประชุมได้รับทราบผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 เรื่อง การยกระดับการบริหารจัดการชายแดนเพื่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม นำไปสู่การพิจารณาปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง (พ.ศ. 2566 – 2570) ให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม อีกทั้ง ได้พิจารณาความเหมาะสมของร่างแผนปฏิบัติการฯ และแนวทางการจัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนการรักษาและผลประโยชน์ของชาติในพื้นที่ชายแดนในระดับนโยบาย ซึ่งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ได้ให้ข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะแนวทางการดำเนินการทั้ง 9 แนวทาง และความเหมาะสมของหน่วยงานรับผิดชอบ รวมถึง ตัวชี้วัด ค่าเป้าหมาย และแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง (พ.ศ. 2566 – 2570) ครบถ้วน รอบด้าน และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ หลังจากแผนปฏิบัติการฯ ผ่านขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจฯ แล้ว จะนำเข้าสู่การพิจารณาในชั้นคณะกรรมการร้อยกรองงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตามลำดับ ก่อนบังคับใช้ต่อไป

กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

        พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันพุธที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๕ ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบ ๕ เรื่อง ดังนี้ ๑)การยกระดับการบริหารจัดการชายแดนเพื่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อเสริมศักยภาพพื้นที่ชุมชน และระบบบริหารจัดการชายแดน ซึ่งครอบคลุมเรื่องการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานในการป้องกันพื้นที่ชายแดน การเสริมสร้างเอกภาพในการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล การเพิ่มความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นนอกภาครัฐ โดยให้หน่วยงานของรัฐและภาคีเครือข่ายได้ประสานการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาชายแดน ๒)แนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในเรื่อง (๑) การขับเคลื่อนนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๒)(ร่าง) แผนการสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาไทยมุสลิมที่ศึกษาต่อในต่างประเทศ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ให้ความสำคัญกับการพัฒนานักศึกษาไทยมุสลิมที่เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญให้สำเร็จการศึกษาในสาขาที่มีคุณภาพ มีภูมิคุ้มกันทางความคิด มีความเข้าใจและร่วมสนับสนุนบรรยากาศอยู่ร่วมกันภายใต้ความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมกลับมาเป็นกำลังสำคัญและมีศักยภาพที่จะพัฒนาพื้นที่และประเทศ ๓.(ร่าง) แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) เพื่อเป็นกรอบทิศทางในการจัดทำแผนงานและโครงการด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเลแบบองค์รวม เพื่อให้สามารถรับมือและควบคุมภัยคุกคามทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๔.การแก้ไขปรับปรุงประกาศสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการแต่งตั้ง และการปฏิบัติหน้าที่ของคณะที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ๕. มาตรการในการรับมือสถานการณ์การก่อการร้ายในห้วงการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย – แปซิฟิก (Asia – Pacific Economic Cooperation)

        นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบ ๑) การประเมินสถานการณ์และแนวโน้มด้านความมั่นคง ๒) กรอบแนวคิดการบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ห้วงระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) เป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงเข้าสู่ห้วงระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) โดยทบทวนและปรับปรุงแผนระดับที่ ๒ รองรับยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ได้แก่ (ร่าง) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๘๐) (ฉบับปรับปรุง) และ (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) และ ๓) การจัดทำแผนระดับที่ ๓ รองรับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) มุ่งเน้นให้หน่วยงานของรัฐจัดทำและขับเคลื่อนแผนระดับที่ ๓ โดยนำเป้าหมายและตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ไปกำหนดแผนงาน โครงการ กิจกรรม หรือการดำเนินการอื่นๆ ไปสู่การปฏิบัติ ผ่านการดำเนินการของหน่วยงานรัฐให้นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติตามหลักความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล (Causal Relationship: XYZ)

กองนโยบายและแผนความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

คำชี้แจงของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้
กรณีมีกลุ่ม BRN ได้เผยแพร่เนื้อหาของหลักการทั่วไปว่าด้วยกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข และมีการกล่าวถึงความริเริ่มเบอร์ลิน ในสื่อสังคมออนไลน์

        ตามที่กลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ (Barisan Revolusi Nasional: BRN) ได้เผยแพร่เนื้อหาของหลักการทั่วไปว่าด้วยกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข (General Principles of the Peace Dialogue Process) และมีการกล่าวถึงความริเริ่มเบอร์ลิน (Berlin Initiative) ในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ นั้น
        คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คพส.) ขอเรียนชี้แจงว่า ความริเริ่มเบอร์ลิน เป็นคำเรียกอย่างไม่เป็นทางการของกรอบกติกาทางธุรการและการประสานงานที่เกี่ยวข้องกับการพูดคุยเพื่อสันติสุขทั้งปวง ซึ่งคู่พูดคุยได้ร่วมกันจัดทำและเห็นพ้องใช้เป็นกรอบกติกาการทำงานตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ โดยมีสาระสำคัญครอบคลุมขั้นตอนและกระบวนการพูดคุยฯ อาทิ จำนวนผู้แทนแต่ละฝ่าย การจดบันทึกการประชุม การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ และการสื่อสารต่อสาธารณะ เป็นต้น ในส่วนของเอกสารหลักการทั่วไปฯ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ให้การรับรองร่วมกันเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ เป็นเอกสารที่ระบุหัวข้อและประเด็นที่คู่พูดคุยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงจะพูดคุยกัน เพื่อนำไปสู่การสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีสาระสำคัญ อาทิ การยอมรับความเป็นรัฐเดี่ยวของไทยภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ การเห็นพ้องที่จะพูดคุยเรื่องการยุติความรุนแรง การปรึกษาหารือกับประชาชนในพื้นที่ และการแสวงหาทางออกทางการเมืองด้วยสันติวิธี เป็นต้น
        การดำเนินการร่วมกันข้างต้น เป็นพัฒนาการความคืบหน้าของกระบวนการพูดคุยฯ และเป็นกระบวนการร่วมกันแสวงหาสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะพูดคุยฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ BRN ยึดมั่นและให้ความสำคัญกับกรอบกติกาทางธุรการและการประสานงาน และเอกสารหลักการทั่วไปฯ เพื่อร่วมกันคลี่คลายความขัดแย้งในพื้นที่ และสร้างสันติสุขอย่างถาวร
        ในห้วงต่อไป คู่พูดคุยทั้งสองจะขับเคลื่อนและแปลงสาระสำคัญของเอกสารหลักการทั่วไปฯ ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยจะดำเนินการภายใต้กระบวนการปรึกษาหารือกับประชาชน และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างครอบคลุม
        คณะพูดคุยฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนในพื้นที่ และนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะให้การสนับสนุนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป

สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สล.คพส.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

        เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๔.๐๐ น. พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้การต้อนรับ นายอูชิซเว (U Chit We) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย พร้อมด้วยคณะ เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับตำแหน่งและหารือข้อราชการ ณ ห้องรับรองสิทธิ เศวตศิลา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล

กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ