Accessibility Tools

Skip to main content
เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 น. - 16.30 น.
ขนาดตัวอักษร
สีตัวอักษร

ผู้เขียน: Theenaphat Kenyota

ประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ จังหวัดนราธิวาส ยกเว้นอำเภอยี่งอ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง และอำเภอสุคิริน จังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอยะหริ่ง อำเภอปะนาเระ อำเภอมายอ อำเภอไม้แก่น อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอกะพ้อ และอำเภอแม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้นอำเภอเบตง อำเภอยะหา อำเภอรามัน อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง

Loading

การประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาจัดทำ (ร่าง) แผนการดำเนินงานขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประเทศไทย ณ จังหวัดเชียงใหม่

       เมื่อวันที่ ๗ – ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยกองความมั่นคงทางทะเล ได้จัดการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาจัดทำ (ร่าง) แผนการดำเนินงานขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประเทศไทย ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะเดินทาง พร้อมด้วย ศ.เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ และ พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (นปท.) และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประเทศไทย รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อ (ร่าง) แผนการดำเนินงานขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลของประเทศไทย รวมถึงรับทราบความต้องการและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อการขับเคลื่อนองค์กรจัดการความรู้ทางทะเลฯ เพื่อนำข้อมูลมาใช้สำหรับการดำเนินงานขับเคลื่อนองค์กรในอนาคตให้มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างครอบคลุมรอบด้าน นอกจากนี้ สำนักงานฯ และคณะ ยังได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรจัดการความรู้ทางทะเลฯ อันเป็นการดำเนินการตามกรอบแนวทางความร่วมมือทางวิชาการเกี่ยวกับการจัดการความรู้ด้านผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภายใต้บันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ระหว่างคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาและจัดการความรู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (อจชล.) กับมหาวิทยาลัยแม่โจ้

กองความมั่นคงทางทะเล
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

พิธีปิดหลักสูตรความมั่นคงศึกษา (ระดับต้น) รุ่นที่ ๖

       เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้จัดพิธีปิดหลักสูตรความมั่นคงศึกษา (คมศ.) รุ่นที่ 6 ณ ห้องประชุมประสงค์ สุ่นศิริ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารของสำนักงานสภา
ความมั่นคงแห่งชาติ และผู้เข้าร่วมอบรมจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน

       หลักสูตรความมั่นคงศึกษา รุ่นที่ 6 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 27 มิถุนายน 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนากรอบความคิดด้านความมั่นคงเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Security Thinking) ที่ครอบคลุมมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และไซเบอร์ ให้กับผู้เข้าร่วมอบรมจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์สถานการณ์เชิงระบบ การฝึกวิเคราะห์ความเสี่ยงสถานการณ์ด้านความมั่นคงอย่างเป็นระบบ พร้อมฝึกใช้เครื่องมือวิเคราะห์นโยบายเพื่อเชื่อมโยงความรู้จากระดับแนวคิดสู่ระดับปฏิบัติการ การมองอนาคตผ่านเครื่องมือด้าน Foresight และการเชื่อมโยงระหว่างระดับนโยบายกับการปฏิบัติในสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อนและพลวัตสูง ตลอดจนการพัฒนาภาวะผู้นำและการสื่อสาร เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้กับภารกิจด้านความมั่นคงในโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงและเชื่อมโยงซับซ้อนยิ่งขึ้น

       ตลอดระยะเวลาของการฝึกอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา ผู้อบรมได้เข้าร่วมกิจกรรมหลากหลายประเภท ทั้งการรับฟังบรรยายและร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ทรงคุณวุฒิจากภาควิชาการ การอภิปรายแลกเปลี่ยนเชิงนโยบาย การฝึกคิดวิเคราะห์ การประเมินสถานการณ์และนโยบาย การศึกษาแบบบูรณาการจากกรณีศึกษาระดับประเทศและสากล ตลอดจนการศึกษาดูงานในพื้นที่และหน่วยงานสำคัญ เช่น ด่านชายแดนบ้านหาดเล็ก จังหวัดตรา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ Google ประเทศไทย เพื่อเรียนรู้การจัดการความมั่นคงในมิติต่าง ๆ รวมถึงฝึกปฏิบัติเชิงวิเคราะห์เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่ตอบรับกับความท้าทายของยุคเปลี่ยนผ่านเพื่อเปิดมุมมองในเชิงยุทธศาสตร์ และรับรู้แนวทางการจัดการความมั่นคงในสถานการณ์จริง

       สำหรับในพิธีปิดหลักสูตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการอบรม พร้อมกล่าวแสดงความยินดีและแสดงวิสัยทัศน์ถึงการทำงานด้านความมั่นคงในโลกยุคใหม่ ซึ่งต้องสามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้หลากมิติ ประยุกต์ใช้เครื่องมือด้านยุทธศาสตร์ การคิดเชิงอนาคต และการจัดการเชิงระบบ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับบริบทโลกในศตวรรษที่ 21

       สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขอแสดงความยินดีกับผู้สำเร็จการอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา รุ่นที่ 6 ทุกท่าน พร้อมขอบคุณหน่วยงานและวิทยากรจากทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนหลักสูตรความมั่นคงศึกษา รุ่นที่ 6 ให้ประสบความสำเร็จ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความรู้ ทักษะที่ผู้อบรมฯ ได้รับจากหลักสูตรฯ จะเป็นพลังสำคัญในการส่งเสริมความมั่นคง มั่งคั่ง และความยั่งยืนของประเทศไทยในระยะยาวต่อไปในอนาคต

สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การรับฟังการแถลงผลบทวิเคราะห์ประเด็นด้านความมั่นคงของผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา (ระดับต้น) รุ่นที่ ๖

       เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๘ สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้จัดกิจกรรมการแถลงผลบทวิเคราะห์ประเด็นด้านความมั่นคงของผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา (ระดับต้น) รุ่นที่ ๖ ณ ห้องประชุมกมลมาศ ชั้น ๖ โรงแรมเดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ โดยมีนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารและผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานต้นสังกัดของผู้เข้ารับการฝึกอบรมฯ ให้เกียรติร่วมรับฟังการนำเสนอ

      การนำเสนอบทวิเคราะห์ฯ ในครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบรายบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ประมวลความรู้ที่ได้รับตลอดระยะเวลาของหลักสูตร พัฒนาทักษะการคิดเชิงยุทธศาสตร์ และสะท้อนมุมมองและข้อเสนอเชิงนโยบายของตนที่เกิดจากประสบการณ์การทำงานจริงในภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ

      บทวิเคราะห์ฯ แต่ละชิ้นเกิดจากการบูรณาการความรู้ที่ได้จากการเรียน การบรรยาย การฝึกปฏิบัติ และการศึกษาดูงานภายในหลักสูตร โดยผู้เข้ารับการอบรมได้เลือกประเด็นที่ตนมีความสนใจหรือเกี่ยวข้องกับภารกิจของหน่วยงานตนเอง มาวิเคราะห์เชิงลึกในมิติต่าง ๆ ของความมั่นคง เช่น ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การต่างประเทศ และไซเบอร์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด

      กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสรุปบทเรียนจากหลักสูตร แต่ยังถือเป็นเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดและข้อเสนอเชิงนโยบายที่หลากหลายและสอดคล้องกับบริบทความเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศต่อไปอย่างรอบด้านและยั่งยืน

สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การศึกษาดูงานภายใต้หลักสูตรความมั่นคงศึกษา (ระดับต้น) รุ่นที่ ๖ ณ Google ประเทศไทย

       เมื่อวันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๘ สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้นำคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา รุ่นที่ ๖ เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ บริษัท Google ประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตลอดจนบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในการเสริมสร้างความมั่นคงและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

       การบรรยายในช่วงแรกของการศึกษาดูงาน มุ่งเน้นไปที่ประเด็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่าร้อยละ ๘๑ ของหน่วยงาน/องค์กรทั่วโลกประสบกับปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ขณะที่ผู้โจมตีสามารถแฝงตัวอยู่ในระบบของเป้าหมายได้นานเฉลี่ยถึง ๑๑ วัน และในกรณีของแรนซัมแวร์อาจแฝงตัวได้นานถึง ๖ วัน นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่หน่วยงาน/องค์กรถูกโจมตีเป็นการตรวจพบโดยแหล่งภายนอกองค์กรมากกว่าร้อยละ ๕๗ สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบตรวจจับภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

       ผู้แทน Google ได้ยกกรณีศึกษาของกลุ่ม UNC4841 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับการจารกรรมข้อมูลจากหน่วยงานรัฐและเอกชนทั่วโลก Google ได้ออกมาเล่าถึงเคสที่น่าสนใจของ กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ UNC4841 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชี่ยวชาญด้านการ ขโมยข้อมูล จากทั้ง หน่วยงานรัฐบาลและบริษัทเอกชนทั่วโลก ในระบบอีเมล Barracuda ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ยังไม่มีใครรู้หรือแก้ได้ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าไปได้ง่ายๆ ถือเป็นการ โจมตีที่มีเป้าหมายชัดเจนในการขโมยข้อมูลโดยตรง นอกจากนี้ผู้แทน Google ยังได้เน้นย้ำถึงบทเรียนสำคัญจากการโจมตีด้วย แรนซัมแวร์ (Ransomware) หรือไวรัสเรียกค่าไถ่ว่า ถึงแม้เหยื่อจะยอมจ่ายเงินค่าไถ่ให้กับแฮกเกอร์ แต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อมูลที่ถูกขโมยไปจะกลับคืนมาครบถ้วน และข้อมูลสำคัญบางส่วนอาจหายไปถาวร หรือบางทีแฮกเกอร์มีแนวโน้มที่จะคืนข้อมูลที่ไม่สำคัญให้ นอกจากนี้ ผู้โจมตีอาจจะทิ้ง “backdoor” หรือช่องทางลับซ่อนเอาไว้ในระบบ เปรียบเสมือนเป็นประตูหลังที่เปิดทิ้งไว้ เพื่อที่จะได้สามารถกลับเข้ามาในระบบได้อีกในอนาคตเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ

       ทั้งนี้ ผู้แทน Google ได้เน้นย้ำถึงแนวทางการรับมือขององค์กรยุคใหม่จึงต้องเน้นการป้องกันเชิงรุก โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ Edge ซึ่ง Google แนะนำให้มีการตรวจสอบ Log แบบรวมศูนย์ การควบคุมสิทธิ์เข้าถึง การวิเคราะห์ทราฟฟิกผิดปกติ และการใช้ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคามเป็นฐานสำหรับการตัดสินใจ

       การบรรยายในช่วงสุดท้าย ผู้แทน Google ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่มประสิทธิภาพในการสืบค้นข้อมูลภายในองค์กร และช่วยเร่งกระบวนการสร้างสรรค์เนื้อหาหรือการปฏิบัติตามกฎระเบียบในระดับองค์กร

       ผู้แทน Google เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “การใช้ AI ที่มีความรับผิดชอบ” (Responsible AI) ซึ่งครอบคลุมหลักการด้านความปลอดภัย ความโปร่งใส ความเป็นธรรม ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมโดยมนุษย์ เพื่อให้การใช้เทคโนโลยี AI เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง และไม่กลายเป็นเครื่องมือของการละเมิดสิทธิหรือการบิดเบือนข้อมูล

       อีกทั้ง ผู้แทน Google ยังได้กล่าวถึงการลงทุนมูลค่า ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย อันประกอบด้วยศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรี และศูนย์บริการคลาวด์ (Google Cloud Region) เพื่อยกระดับศักยภาพของประเทศในการรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนา AI นอกจากนี้ Google ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะบุคลากรไทย โดยได้จัดฝึกอบรมด้านดิจิทัลและ AI แก่ประชาชนแล้วกว่า ๓.๖ ล้านคน ตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ ผ่านโครงการ Google Career Certificates รวมถึงความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการพัฒนาแนวทาง “Cloud-First” และส่งเสริมการใช้ Generative AI ในภาคราชการ พร้อมมอบทุนการศึกษาเพิ่มเติมอีก ๑๒,๐๐๐ ทุน ในการพัฒนาทักษะทางด้านดิจิทัล

สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การศึกษาดูงานภายใต้หลักสูตรความมั่นคงศึกษา (ระดับต้น) รุ่นที่ ๖ ณ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

       เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้นำคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา รุ่นที่ ๖ เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การเงิน และไซเบอร์
ในบริบทของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการบริหารความเสี่ยงทางเทคโนโลยีและการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินรูปแบบใหม่

       การบรรยายในช่วงแรก ผู้อบรมฯ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับบริบทเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ซึ่งยังเผชิญความเปราะบางเชิงโครงสร้าง ทั้งจากความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก และการเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว โดยธนาคารกรุงไทยได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและรองรับสภาวะความท้าทายทางเศรษฐกิจ ด้วยการกระจายสภาพคล่องสู่ภาคประชาชน สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย และเชื่อมโยงนโยบายรัฐกับกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม

       นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยได้แสดงให้เห็นบทบาทเชิงรุกผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ตอบโจทย์นโยบายภาครัฐ เช่น โครงการ “เป๋าตัง” “ถุงเงิน” และ “เราชนะ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกระจายสวัสดิการและกระตุ้นการบริโภคในช่วงวิกฤต ทั้งนี้ ธนาคารยังได้ขับเคลื่อนการยกระดับระบบการเงินดิจิทัลในด้านความโปร่งใส การเข้าถึง และความปลอดภัย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว

       ต่อมาในประเด็นด้านการรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ ผู้แทนจากธนาคารกรุงไทยได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่ธนาคารพาณิชย์ต้องเผชิญ เช่น การหลอกลวงผ่าน SMS และแอพพลิเคชันปลอม การใช้ Deepfake โดยกลุ่มอาชญกรรม โดยธนาคารได้พัฒนาระบบป้องกันในเชิงลึก อาทิ ระบบตรวจจับธุรกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์เชิงพฤติกรรม และการใช้ระบบ Machine Learning เพื่อตรวจจับความเสี่ยงล่วงหน้า พร้อมทั้งใช้กระบวนการระงับธุรกรรมอัตโนมัติเมื่อพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย

       ธนาคารกรุงไทยยังได้เน้นมาตรการเชิงป้องกัน (Preventive) โดยการส่งเสริมวัฒนธรรมความมั่นคงการสร้างชุดข้อมูลองค์ความรู้ให้กับประชาชน ตระหนักถึงบทบาทข้อมูลเชิงป้องกันแก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอทั้งผ่านแอป Krungthai NEXT เว็บไซต์ธนาคาร และสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การเตือนหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่รู้แหล่งที่มา การไม่เปิดเผย OTP และข้อมูลส่วนตัวแก่บุคคลภายนอก ตลอดจนการส่งเสริมการเปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนหลายชั้น (Multi-Factor Authentication)

       นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังได้ร่วมมือกับ “ศูนย์ต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์” (Anti-Online Scam Center หรือ AOC) เพื่อรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แบบ one stop service สามารถดำเนินการปิดกั้นอายัดบัญชีให้แก่ประชาชนได้ทันทีภายใน ๑ ชั่วโมง และเป็นกลไกภาครัฐที่ประสานความร่วมมือระหว่างธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ในการตรวจจับและอายัดบัญชีหลอกลวง รวมถึงการระงับเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการหลอกลวงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ธนาคารได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ได้ผ่านสายด่วน Krungthai Call Center 0-2111-1111 กด 108 และสายด่วน AOC 1441 ซึ่งเชื่อมโยงไปยังทุกธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบเรียลไทม์

       สุดท้ายนี้ ผู้แทนธนาคารกรุงไทยได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรองรับการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๘ ซึ่งกำหนดให้มีระบบการตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัย การควบคุมบัญชีม้า และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างธนาคารและกลไกภาครัฐในระดับที่ละเอียดและเข้มงวดขึ้น โดยธนาคารได้ปรับปรุงกระบวนการยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC) ระบบควบคุมข้อมูล และขั้นตอนรายงานธุรกรรมผิดปกติให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย เพื่อยกระดับความปลอดภัยของระบบการเงินในภาพรวม

สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การศึกษาดูงานภายใต้หลักสูตรความมั่นคงศึกษา (ระดับต้น) รุ่นที่ ๖ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

       เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๘ สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้นำคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา รุ่นที่ ๖ เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและความมั่นคงของท่าอากาศยานนานาชาติ ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญต่อระบบความมั่นคงของรัฐ

       ในช่วงเช้า คณะฯ ได้ศึกษาระบบบริหารจัดการความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การดำเนินงานตามแผนรักษาความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งชาติ การตรวจสอบผู้โดยสารและสัมภาระ การใช้ระบบเฝ้าระวังอัจฉริยะมาใช้ในการรักษาความปลอดภัย ตลอดจนมาตรการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน อาทิ ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายและภัยทางไซเบอร์ ทั้งนี้ ผู้แทนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ และการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       ในช่วงบ่าย คณะฯ ได้เยี่ยมชมสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมการนำเข้า-ส่งออกสินค้าข้ามพรมแดน โดยมุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย การใช้ระบบคัดกรองอัจฉริยะ เทคโนโลยีสแกนเนอร์ และระบบวิเคราะห์ความเสี่ยงจากฐานข้อมูลร่วมหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาวุธ และสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงการเรียนรู้กระบวนการสืบสวนสอบสวนทางศุลกากร และกลไกความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ

       ต่อมา คณะได้เข้าเยี่ยมชมจุดตรวจคนเข้าเมือง ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งอยู่ภายใต้กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๒ เพื่อศึกษากระบวนการควบคุมการเดินทางเข้าออกของบุคคลซึ่งเป็นภารกิจที่เชื่อมโยงกับความมั่นคงของรัฐ โดยเนื้อหาครอบคลุมการตรวจสอบเอกสารการเดินทาง การยืนยันตัวตนผ่านระบบ e-Passport ลายนิ้วมือ และ Biometrics Data ตลอดจนการคัดกรองบุคคลต้องสงสัย การสกัดกั้นและการควบคุมความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมข้ามชาติ

       การศึกษาดูงานครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถเชื่อมโยงองค์ความรู้ในเชิงปฏิบัติจริงกับแนวคิดด้านความมั่นคงในระดับนโยบาย โดยเฉพาะการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน การจัดตั้งกลไกร่วมแบบ whole-of-government และการประสานงานกับภาคีระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพัฒนาระบบความมั่นคงเชิงรุกและการสร้างภูมิคุ้มกันแห่งรัฐต่อภัยคุกคามในยุคสมัยใหม่

สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุม 4th BIMSTEC Track 1.5 Security Dialogue Forum ณ สาธารณรัฐอินเดีย

       รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม 4th BIMSTEC Track 1.5 Security Dialogue เมื่อวันที่ ๖ – ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดย ผู้แทนประกอบด้วย ผู้อำนวยการกองดูแลระบบและติดตามสถานการณ์ ศูนย์ยุทธการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ดร.วศิน ปั้นทอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้แทนกองความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ สมช. เพื่อรับทราบและแลกเปลี่ยนประเด็นความมั่นคง อาทิ Strengthening Maritime Security in the Bay of Bengal , Economic Security and Connectivity in the Bay of Bengal Region , Tackling Transnational Organized Crime Through Regional Cooperation , Cybersecurity Challenges and Emerging Technologies

กองความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างไทย – อินเดีย ครั้งที่ ๑๓ (The 13th Thailand – India Joint Working Group on Security Cooperation)

       เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๘ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างไทย – อินเดีย ครั้งที่ ๑๓ (13th Thailand – India Joint Working Group on Security Cooperation) ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายไทย และ นาย T V Ravichandran รองที่ปรึกษาด้านความมั่นคง เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายอินเดีย โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนทรรศนะต่อภาพรวมสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในระดับโลกและระดับภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออกเฉียงใต้ ได้แบ่งปันข้อมูลทั้งนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแนวทางการปฏิบัติในการรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงระหว่างกัน รวมถึงได้ประสานความร่วมมืออันเป็นประโยชน์ในการป้องกัน รับมือ และแก้ไขปัญหาที่เกิดจากภัยคุกคามด้านความมั่นคงร่วมกัน อาทิ ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และอาชญากรรมทางไซเบอร์ การค้ามนุษย์ ยาเสพติด การฟอกเงิน ภัยความมั่นคงทางทะเล และการลักลอบค้าสัตว์ป่า

กองความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การฟังเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๑๒ – ๑๓ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๗๓ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และงานสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ประจำปี ๒๕๖๘

       วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๓๐ น. นายธงชัย ไหลประสิทธิ์พร ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการ พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมฟังเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก กัณฑ์ที่ ๑๒ – ๑๓ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๗๓ พรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ และงานสัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ประจำปี ๒๕๖๘ โดยมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพ/ประธาน ณ พระอุโบสถ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ (ท่าพระจันทร์) เขตพระนคร กรุงเทพฯ

กลุ่มงานบริหารงานสารบรรณและประชาสัมพันธ์
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

อาเศียรวาทถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

อาเศียรวาทถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

Loading

Top