เขียนโดย Theenaphat Kenyota ใน 18 กรกฎาคม 2568 . โพสใน ข่าวประชาสัมพันธ์ , สมศ-หลักสูตรฯ . ไม่มีความเห็น บน การศึกษาดูงานภายใต้หลักสูตรความมั่นคงศึกษา (ระดับต้น) รุ่นที่ ๖ ณ Google ประเทศไทย
2
เมื่อวันพุธที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๘ สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้นำคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา รุ่นที่ ๖ เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ บริษัท Google ประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตลอดจนบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในการเสริมสร้างความมั่นคงและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
การบรรยายในช่วงแรก ของการศึกษาดูงาน มุ่งเน้นไปที่ประเด็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยข้อมูลล่าสุดชี้ว่าร้อยละ ๘๑ ของหน่วยงาน/องค์กรทั่วโลกประสบกับปัญหาด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ขณะที่ผู้โจมตีสามารถแฝงตัวอยู่ในระบบของเป้าหมายได้นานเฉลี่ยถึง ๑๑ วัน และในกรณีของแรนซัมแวร์อาจแฝงตัวได้นานถึง ๖ วัน นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่หน่วยงาน/องค์กรถูกโจมตีเป็นการตรวจพบโดยแหล่งภายนอกองค์กรมากกว่าร้อยละ ๕๗ สะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบตรวจจับภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผู้แทน Google ได้ยกกรณีศึกษาของกลุ่ม UNC4841 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับการจารกรรมข้อมูลจากหน่วยงานรัฐและเอกชนทั่วโลก Google ได้ออกมาเล่าถึงเคสที่น่าสนใจของ กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ UNC4841 ซึ่งเป็นกลุ่มที่เชี่ยวชาญด้านการ ขโมยข้อมูล จากทั้ง หน่วยงานรัฐบาลและบริษัทเอกชนทั่วโลก ในระบบอีเมล Barracuda ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ยังไม่มีใครรู้หรือแก้ได้ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะเข้าไปได้ง่ายๆ ถือเป็นการ โจมตีที่มีเป้าหมายชัดเจนในการขโมยข้อมูลโดยตรง นอกจากนี้ผู้แทน Google ยังได้เน้นย้ำถึงบทเรียนสำคัญจากการโจมตีด้วย แรนซัมแวร์ (Ransomware) หรือไวรัสเรียกค่าไถ่ว่า ถึงแม้เหยื่อจะยอมจ่ายเงินค่าไถ่ให้กับแฮกเกอร์ แต่ไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อมูลที่ถูกขโมยไปจะกลับคืนมาครบถ้วน และข้อมูลสำคัญบางส่วนอาจหายไปถาวร หรือบางทีแฮกเกอร์มีแนวโน้มที่จะคืนข้อมูลที่ไม่สำคัญให้ นอกจากนี้ ผู้โจมตีอาจจะทิ้ง “backdoor” หรือช่องทางลับซ่อนเอาไว้ในระบบ เปรียบเสมือนเป็นประตูหลังที่เปิดทิ้งไว้ เพื่อที่จะได้สามารถกลับเข้ามาในระบบได้อีกในอนาคตเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ
ทั้งนี้ ผู้แทน Google ได้เน้นย้ำถึงแนวทางการรับมือขององค์กรยุคใหม่จึงต้องเน้นการป้องกันเชิงรุก โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ Edge ซึ่ง Google แนะนำให้มีการตรวจสอบ Log แบบรวมศูนย์ การควบคุมสิทธิ์เข้าถึง การวิเคราะห์ทราฟฟิกผิดปกติ และการใช้ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคามเป็นฐานสำหรับการตัดสินใจ
การบรรยายในช่วงสุดท้าย ผู้แทน Google ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเทคโนโลยีนี้สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่มประสิทธิภาพในการสืบค้นข้อมูลภายในองค์กร และช่วยเร่งกระบวนการสร้างสรรค์เนื้อหาหรือการปฏิบัติตามกฎระเบียบในระดับองค์กร
ผู้แทน Google เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “การใช้ AI ที่มีความรับผิดชอบ” (Responsible AI) ซึ่งครอบคลุมหลักการด้านความปลอดภัย ความโปร่งใส ความเป็นธรรม ความเป็นส่วนตัว และการควบคุมโดยมนุษย์ เพื่อให้การใช้เทคโนโลยี AI เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง และไม่กลายเป็นเครื่องมือของการละเมิดสิทธิหรือการบิดเบือนข้อมูล
อีกทั้ง ผู้แทน Google ยังได้กล่าวถึงการลงทุนมูลค่า ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย อันประกอบด้วยศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรี และศูนย์บริการคลาวด์ (Google Cloud Region) เพื่อยกระดับศักยภาพของประเทศในการรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนา AI นอกจากนี้ Google ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทักษะบุคลากรไทย โดยได้จัดฝึกอบรมด้านดิจิทัลและ AI แก่ประชาชนแล้วกว่า ๓.๖ ล้านคน ตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ ผ่านโครงการ Google Career Certificates รวมถึงความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการพัฒนาแนวทาง “Cloud-First” และส่งเสริมการใช้ Generative AI ในภาคราชการ พร้อมมอบทุนการศึกษาเพิ่มเติมอีก ๑๒,๐๐๐ ทุน ในการพัฒนาทักษะทางด้านดิจิทัล
สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ