Accessibility Tools

Skip to main content
เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 น. - 16.30 น.
ขนาดตัวอักษร
สีตัวอักษร

ผู้เขียน: Theenaphat Kenyota

ประกาศ การขึ้นบัญชีและยกเลิกบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งนักวิชาการพัสดุปฏิบัติการ ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

        ประกาศ การขึ้นบัญชีและยกเลิกบัญชีผู้ได้รับการคัดเลือกในตำแหน่งนักวิชาการพัสดุปฏิบัติการ ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดตามไฟล์แนบ

กลุ่มงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามสถานการณ์กรณีกลุ่มแฮกเกอร์ “9Near”

       สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจัดการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามรับฟังปัญหาสถานการณ์กรณีกลุ่มแฮกเกอร์ “9Near”ในวันจันทร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๓๐ น. ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ ทำเนียบรัฐบาลโดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธานเพื่อติดตามรับฟังปัญหาและให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวและแนวทางการป้องกันเชิงรุกเสริมสร้างศักยภาพให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมต่อการรับมือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

กองความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิด – ระงับหรือปิดจุดผ่านแดนประเภทต่าง ๆ ครั้งที่ 1/2566

       พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิด ระงับ หรือปิดจุดผ่านแดนประเภทต่างๆ ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2566 เวลา 09.30 – 12.00 น. ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจงและให้ข้อเท็จจริง อาทิ จังหวัด 4 จังหวัด และศุลกากรในพื้นที่

       โดยที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าของผลการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิด – ระงับ หรือปิดจุดผ่านแดนประเภทต่าง ๆ ครั้งที่ 2/2565 เรื่องการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (หนองเอี่ยน – สตึงบท) ใช้ชั่วคราวไปพลางก่อน รวมถึงพิจารณาเรื่องแผนบริหารจัดการพื้นที่รองรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (หนองเอี่ยน – สตึงบท) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว การปรับเวลาเปิดทำการจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ การขอขยายเวลาเปิด – ปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านปากห้วย อ.ท่าลี่ จ.เลย

       ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นการพิจารณาในระดับนโยบาย โดย สมช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตามมติที่ประชุมต่อไป

กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การหารือเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ระหว่างเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติและหัวหน้าหน่วยงานเจ้าภาพแผนย่อย

       เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๖ และวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๖ พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติในฐานะหัวหน้าหน่วยงานเจ้าภาพขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วย นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้บริหาร สมช. ได้เยี่ยมเยือนและหารือหัวหน้าหน่วยงานเจ้าภาพแผนย่อย ภายใต้แผนแม่บทฯ ประเด็นความมั่นคง ได้แก่ ๑) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)/เจ้าภาพแผนย่อยที่ ๑ และ ๒ โดยมี พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นหัวหน้าคณะ ณ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สวนรื่นฤดี ๒) กระทรวงกลาโหม (กห.)/เจ้าภาพแผนย่อยที่ ๓ โดยมี พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าคณะ ณ ศาลาว่าการกลาโหม กระทรวงกลาโหม และ ๓) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.)/เจ้าภาพแผนย่อยที่ ๔ โดยมี นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะ ณ กระทรวงการต่างประเทศ ตามลำดับ

สำหรับการขับเคลื่อนในห้วงที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕) สภาความมั่นคงมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลไกหลักด้านความมั่นคง ได้จัดตั้งกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ทั้งในระดับนโยบายและระดับอำนวยการขับเคลื่อน รวมทั้ง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง ได้ร่วมขับเคลื่อนกับหน่วยงานเจ้าภาพหลักที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการอำนวยการ ประสาน และติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ สถานการณ์บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงบางส่วนสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ส่งผลให้บางเป้าหมายยังสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ในห้วงแรกได้ โดยเฉพาะการไม่บรรลุเป้าหมายในภาพรวมของแผนแม่บทฯ ประเด็นความมั่นคง (ผลการประเมินเป็นสีแดง) ซึ่งจากการวิเคราะห์ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ พบว่ายังคงมีช่องว่างการบริหารจัดการและประเด็นท้าทายที่ต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการในห้วงที่ ๒ ของยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง

โดยการหารือเป็นไปเพื่อรับทราบสภาพปัญหาและข้อขัดข้องการขับเคลื่อนแผนย่อยฯ และภาพรวมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงในระยะที่ผ่านมา รวมไปถึงการสร้างความเข้าใจเพื่อให้พร้อมรับความท้าทายและร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงในห้วงระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) โดยประเด็นสำคัญ ได้แก่ การปรับตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายใหม่ของแผนแม่บทฯ ประเด็นความมั่นคง พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) และนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ ตลอดจนการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลของแผนระดับที่ ๒ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ ผู้บริหารได้หารือแลกเปลี่ยนแนวคิดในประเด็นดังกล่าว รวมไปถึงแนวทางการขับเคลื่อนในห้วงระยะที่ ๒ ผ่านการผลักดันโครงการสำคัญ การกำหนดจุดเน้นในการดำเนินงานรายปีของหน่วยงานเจ้าภาพแผนย่อย การทบทวนและปรับปรุงตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายให้มีความเหมาะสมกับการดำเนินงานให้สามารถสะท้อนผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานและวัดผลได้จริง และการปรับปรุงกลไกที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง เพื่อให้การบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีเอกภาพและสามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงต่อไป

กองนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมส่วนราชการเพื่อชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติ ว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ไปสู่การปฏิบัติ

       สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดย กองนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง ได้จัดการประชุมส่วนราชการเพื่อชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ไปสู่การปฏิบัติ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๓๐ – ๑๒.๐๐ น. ณ ห้องประชุมวิจิตรวาทการ ชั้น ๓ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล และการประชุมทางไกลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ Zoom Clound Meetings) โดยมี นายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานเจ้าภาพรับผิดชอบบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) และ กอง/กลุ่มงาน
ภายในสำนักงานฯ
การประชุมดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดและชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรี/ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มอบนโยบายการขับเคลื่อน (ร่าง) นโยบายและแผนฯ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ในคราวการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๕ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการนำนโยบายและแผนฯ ไปสู่การปฏิบัติ โดยให้มีการประสานและบูรณาการการดำเนินงาน ตลอดจนเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน และให้มีการติดตามการดำเนินการ
อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขับเคลื่อนฯ เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการขับเคลื่อน ติดตาม และประเมินผลนโยบายและแผนฯ ไปในคราวเดียวกับแผนแม่บทฯ ประเด็นความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๘๐) (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ผ่านแผนบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) และมีมติเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนดังกล่าว พร้อมทั้งมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติ (flow chart) สำหรับการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผล ตามแผนบูรณการฯ เพื่อให้เกิดการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคงและนโยบายและแผนฯ นอกจากนี้ สำนักงานฯ ได้กำหนดแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไป อาทิ การจัดทำสื่อวิดีทัศน์เพื่อเผยแพร่นโยบายและแผนฯ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) การจัดพิมพ์หนังสือนโยบายและแผนระดับชาติฯ ทั้งรูปแบบฉบับเต็มและฉบับพกพา (Booklet) และการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและแผนระดับชาติฯ ผ่านเวทีวิชาการที่เกี่ยวข้อง

กองนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหาร วิกฤตการณ์ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ณ จังหวัดอุบลราชธานี

       กองความมั่นคงด้านการเตรียมพร้อมและการป้องกันประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้จัดการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ (พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐) ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ โรงแรมเซ็นทารา อุบลราชธานี โดยมี นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน พร้อมด้วยรองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ปลัดจังหวัดยโสธร และปลัดจังหวัดอุบลราชธานี เข้าร่วมด้วย
       การประชุมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อ ๑) ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติภายใต้แผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ฯ แก่ส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดยโสธร ๒) รับทราบแนวทางการดำเนินงานของกลไกการทำงานในระดับพื้นที่ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานภายใต้แผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ฯ และ ๓) รับฟังปัญหา และอุปสรรคของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต่อการบริหารจัดการและการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในภาวะฉุกเฉิน กรณีศึกษา การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส
โคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-19)
       นอกจากนี้ นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะ ได้เดินทางไปยัง จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก ตำบล ช่องเม็ก อำเภอ สิรินธร จังหวัด อุบลราชธานี เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการจัดการกับโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ ในกรณี สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด- 19) กับการบริหารจัดการการข้ามแดนทางบก ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดทำแนวทางการพัฒนาศักยภาพการเตรียมพร้อมของประเทศ การพัฒนากลไกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติให้พร้อมเผชิญกับสถานการณ์โรคติดต่ออุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำในอนาคต

กองความมั่นคงด้านการเตรียมพร้อมและการป้องกันประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

       วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับ สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย โดย ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดย ศาสตราจารย์ ดร.เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ประธานอนุกรรมการที่ปรึกษาและจัดการความรู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ณ ห้องประชุม พลเอก จิร วิชิตสงคราม ชั้น ๗ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ โดยมี นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน การลงนามดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการด้านผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ระหว่างสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยดำเนินการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจ ความช่วยเหลือด้านการศึกษา วิจัย และวิชาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาพัฒนาทางวิชาการเกี่ยวกับระบบนิเวศในทะเลอ่าวไทยโดยรอบแท่นผลิตปิโตรเลียมนอกชายฝั่งที่กำลังจะหมดอายุการใช้งาน

       มากกว่า 3 ทศวรรษที่ได้มีการผลิตปิโตรเลียมนอกชายฝั่งขึ้นในประเทศไทย จวบจนปัจจุบันประเทศไทยมีแท่นหลุมผลิตและขุดเจาะปิโตรเลียมรวมถึงแท่นที่พักอาศัยในอ่าวไทยมากกว่า 400 แท่น และกำลังเข้าสู่ยุคที่แท่นและสิ่งติดตั้งในกิจการปิโตรเลียมหลายแหล่งกลางอ่าวไทยกำลังทยอยหมดอายุสัมปทานลง ทำให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถาบันการศึกษาจำเป็นต้องเร่งสร้างองค์ความรู้ให้เพียงพอและพร้อมนำมาใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเลนอกชายฝั่งอ่าวไทย โดยเฉพาะในกระบวนการวางแผนหาแนวทางที่เหมาะสม และตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับแท่นและสิ่งติดตั้งในกิจการปิโตรเลียมกลางอ่าวไทยที่กำลังจะหมดอายุสัมปทานดังกล่าว

       ทั้งนี้ ประเทศไทยยังขาดแคลนงานวิจัยและองค์ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพในเขตทะเลนอกชายฝั่งที่ประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีองค์ความรู้ด้านนี้เพื่อบริหารความเสี่ยงที่ประเทศไทยอาจจะสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล สิ่งมีชีวิตไม่เสี่ยงสูญพันธุ์ และสูญเสียโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจฐานชีวภาพทางทะเลอย่างเหมาะสมได้

       วิธีดำเนินการต่อแท่นและสิ่งติดตั้งที่กำลังหมดอายุสัมปทานนั้น ไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีการรื้อถอนในแนวทางเดียวกันทั้งหมด การคงอยู่ของสิ่งติดตั้งบางแห่งอาจมีศักยภาพและมีบทบาทเป็นระบบนิเวศบริการ (Ecosystem Services) ที่จะช่วยรักษาความหลากหลายชีวภาพทางทะเลทั้งในบริเวณชายฝั่งและนอกชายฝั่งได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การเตรียมความพร้อมศึกษาวิจัยที่เกี่ยวกับความหลากหลายชีวภาพทางทะเลในเขตนอกชายฝั่งที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับระบบนิเวศไปจนถึงระดับพันธุกรรมที่เหมาะสม และศึกษาความเป็นไปได้ในการวางสิ่งติดตั้งไว้ที่เดิม (leaving in place) จึงถือเป็นองค์ความรู้ที่มีความสำคัญที่จะทำให้หน่วยงานรับผิดชอบหลักทั้งภาครัฐและภาคเอกชนนำไปใช้พิจารณากระบวนการจัดการกับสิ่งติดตั้งได้อย่างเป็นระบบ และที่มากไปกว่านั้น องค์ความรู้เรื่องความหลากหลายชีวภาพในทะเลบริเวณสิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียมที่หมดอายุสัมปทานนั้นยังถือเป็นฐานข้อมูลที่จะนำไปสู่การประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและการจัดทำบัญชีรายการเชิงลึก (Inventory Biodiversity) ของประเทศไทย ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในระดับต่าง ๆ ได้อีกด้วย

       การลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านผลประโยชน์ของชาติทางทะเลครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่ทางสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรหลักในการประสานงานระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปิโตรเคมี เพื่อให้นักวิจัย นักวิชาการสามารถเข้าไปศึกษาเพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ที่ขาดหายไปในพื้นที่บริเวณแท่นผลิตปิโตรเลียมได้สะดวกภายใต้มาตรการความปลอดภัยที่กำหนด นอกจากนั้นองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะถูกส่งต่อไปยัง วช. เพื่อนำไปถ่ายทอดและต่อยอดผ่านการกำหนดกรอบวิจัยและนวัตกรรมที่เพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทั้งเชิงลึกและนโยบายระดับชาติโดยการสนับสนุนของอนุกรรมการที่ปรึกษาและจัดการความรู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล สมช. ต่อไป

กองความมั่นคงทางทะเล
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

“การเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทางทะเลของอินโดนีเซีย” [MarSecFocus, ฉบับที่ 3/2566]

“การเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทางทะเลของอินโดนีเซีย”

อินโดนีเซียมีแผนการพัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามความมั่นคง และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในลักษณะต่าง ๆ โดยได้มีการจัดหาเรือลาดตระเวนชั้นโพฮังจากกองทัพเรือเกาหลีใต้ เข้ามาประจำการร่วมกับกองเรือลาดตระเวนจู่โจม เรือขีปนาวุธเร็ว และเรือฟริเกตของกองทัพเรืออินโดนีเซีย ซึ่งส่งผลทำให้หน่วยงานความมั่นคงของไทยยังคงต้องติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

ติดตามฉบับอื่นได้ที่..

Loading

การประชุมเชิงปฏิบัติการ “การประเมินแนวโน้มสถานการณ์และแนวทางการป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ในปี ๒๕๖๖”

       สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการว่าด้วย “การประเมินแนวโน้มสถานการณ์และแนวทางการป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ในปี ๒๕๖๖” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ โดยมีรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธานในพิธีเปิดฯ
       ปัญหาและแนวโน้มสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๖ มีแนวโน้มที่จะรุนแรงและขยายตัวมากขึ้นทุกประเภท โดยเฉพาะอาชญากรรมทางไซเบอร์และการฉ้อโกงข้ามชาติ สำนักงานฯ ได้เล็งเห็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องความสำคัญของปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นถึงสถานการณ์ด้านอาชญากรรมไซเบอร์ในประเด็นต่าง ๆ และได้มีการประเมินประเด็นอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและต้องเฝ้าระวังอย่างไกล้ชิดในห้วงปี พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๖๘ ซึ่งหน่วยงานที่เข้าร่วมประกอบไปด้วยผู้แทนจากส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีบทบาทสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ที่อาจจะขยายขอบเขตและมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการก่ออาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งการหารือร่วมกันระหว่างส่วนราชการถึงกลไก มาตรการป้องกัน และแนวทางการบังคับใช้กฎหมายของส่วนราชการเพื่อให้เกิดการบูรณาการแนวทางการทำงานร่วมกันในภาพรวม

กองความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

“ปัญหากองเรือประมง…ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลระหว่างฟิลิปปินส์กับจีน” [MarSecFocus, ฉบับที่ 2/2566]

“ปัญหากองเรือประมง…ในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลระหว่างฟิลิปปินส์กับจีน”

การตรวจพบกองเรือประมงสัญชาติจีนและเรือรบที่คอยคุ้มกันในพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลระหว่างฟิลิปปินส์กับจีนนั้น อาจกลายเป็นชนวนเหตุที่ทาให้พื้นที่ทะเลจีนใต้กลับมามีความตึงเครียดอีกครั้ง และอาจลุกลามจนนาไปสู่ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอนาคต

 

ติดตามฉบับอื่นได้ที่..

Loading

การเตรียมการจัดการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงระหว่างไทยและเวียดนาม ครั้งที่ ๑๒ (The 12th Meeting of Thai – Viet Nam Joint Working Group on Political and Security Cooperation: The 12th JWG on PSC)

       นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงระหว่างไทยและเวียดนาม ครั้งที่ ๑๒ (The 12th Meeting of Thai – Viet Nam Joint Working Group on Political and Security Cooperation: The 12th JWG on PSC) เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖ ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ
       โดยการประชุมดังกล่าว มีจุดประสงค์เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนงานความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง เพื่อเตรียมการประชุมคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงระหว่างไทยและเวียดนาม ครั้งที่ ๑๒ ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือคณะทำงานร่วมฯ JWG on PSC ถือเป็นกรอบความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ซึ่งไทยและเวียดนามต่างเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของอนุภูมิภาคและภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องต้องกันในการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความมั่นคงร่วมกัน โดยการแลกเปลี่ยนการเยือนและการปรึกษาหารือในกรอบและกลไกด้านการเมืองความมั่นคง และการทหารในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ เพื่อส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และเป็นกรอบในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงทุกด้านระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงการแก้ไขปัญหาความมั่นคงรูปแบบใหม่

กองความมั่นคงด้านการเตรียมพร้อมและการป้องกันประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

การประชุมคณะที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566

       เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เวลา ๐๙.๐๐ น. สถาบันความมั่นคงศึกษาสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้จัดการประชุมคณะที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ณ โรงแรม เซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ โดยมี นายประกิจ ประจนปัจจนึกประธานที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน เพื่อรับทราบและให้ความเห็น ดังนี้
     ๑) การแถลงผลการดำเนินงานหลักสูตรการพัฒนานักบริหารระดับสูง: ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง (หลักสูตรป.ย.ป.) โดย สมช. กห. กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกำหนดโจทย์บูรณาการ เรื่อง “การสร้างกลไกพื้นที่ เวที หรือ Platform การเสริมสร้างความสามัคคีปรองดองเพื่อการพัฒนาประเทศ”
     ๒) การรายงานผลการดำเนินงานของคณะที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในห้วงเดือนตุลาคม ๒๕๖๕ –มีนาคม ๒๕๖๖ ต่อนายกรัฐมนตรี/ ประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทราบ
     ๓) แนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๖๗ยังคงความต่อเนื่องในการดำเนินการด้านการข่าวและการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเพื่อจำกัดเสรีในการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มผู้เห้นต่างจากรัฐและลดเหตุรุนแรงและการสูญเสียให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
     ๔) การประเมินโครงสร้างขั้วอำนาจโลกในอนาคต ๒๐ ปี โดย Foresight Team ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติซึ่งแบ่งภาพอนาคตโครงสร้างขั้วอำนาจโลกในปี ๒๕๘๓ ออกเป็น ๓ ฉากทัศน์ ได้แก่ (๑) A World with Two Systems (๒) Fragmented World และ (๓) Global Condominium of Power

       ที่ประชุมฯ ได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงภายในและระหว่างประเทศที่กระทบต่อความมั่นคงของไทยและพิจารณาให้ข้อเสนอแนะต่อประเด็นความมั่นคงทางอากาศและอวกาศ และแผนการสัมมนาเชิงวิชาการของคณะที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับเครือข่ายภาควิชาการ อาทิ สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย

สถาบันความมั่นคงศึกษา
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

Loading

Top