เมื่อวันที่ ๑ ส.ค. ๖๘ นายรพี โล่ชัยยะกูล ผู้อำนวยการกองความมั่นคงภายในประเทศ กล่าวสรุปภาพรวมเกี่ยวกับงานสัญชาติและสถานะบุคคลของประเทศไทย ภายใต้กิจกรรม Kick-off การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่กลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักร ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๒๙ ต.ค. ๖๗ ณ ลานหน้าที่ว่าการอำเภอฝาง ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยมี น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มท. เป็นประธาน
กิจกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของในการผลักดันการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลในเชิงระบบให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากลและหลักการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave No One Behind) ส่งผลให้บุคคลได้รับสถานะที่ถูกต้องตามสิทธิที่พึงได้รับตามกฎหมาย สามารถเข้าถึงสิทธิการอยู่อาศัยในประเทศไทยได้อย่างถาวร โดยการดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ ๒๙ ต.ค. ๖๗ เป็นไปตามปฏิญญาสากลด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยได้ลงนามรับรอง โดยเฉพาะสิทธิในการมีสัญชาติ
การมีสถานะบุคคลจะทำให้สามารถเข้าถึงสิทธิอื่น ๆ โดยผู้ที่มีปัญหาสถานะของบุคคลถือเป็นกลุ่มเปราะบาง ซึ่งอาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ ดังนั้นไทยจึงต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหาดังกล่าวสอดคล้องกับโครงการพันธมิตรสากลเพื่อยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ (Global Alliance to End Statelessness)
ทั้งนี้ การดำเนินการตามมติ ครม. นี้มิใช่โครงการที่ริเริ่มขึ้นใหม่ แต่เป็นการกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการใหม่เหลือเพียง ๕ วัน จากเดิมที่ต้องใช้เวลา ๑๘๐ วัน ซึ่งนโยบายนี้จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตตามสิทธิที่ได้รับการพัฒนาสถานะของกลุ่มเป้าหมายทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาประเทศชาติ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งถือเป็นกำลังหลักสำคัญของประเทศ อันสอดคล้องกับนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการสร้างความสมดุลตามหลักสิทธิมนุษยชน และความมั่นคงของมนุษย์
กองความมั่นคงภายในประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
