Accessibility Tools

Skip to main content
เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 น. - 16.30 น.
ขนาดตัวอักษร
สีตัวอักษร

ข่าวประชาสัมพันธ์

การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

                    ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อมวลชนกล่าวถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลในห้วงที่ผ่านมาว่า ยังไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ขาดเอกภาพในการทำงานระหว่างหน่วยงานรับผิดชอบกับคณะผู้แทนพิเศษที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้น รวมทั้งการแก้ไขปัญหาและการบริหารจัดการงบประมาณเป็นไปในลักษณะ “การเลี้ยงไข้” เพื่อต้องการให้ปัญหาความรุนแรงยังคงดำรงอยู่หรือเป็น เรื่องที่รัฐสร้างสถานการณ์ขึ้นเองเพื่อวัตถุประสงค์บางประการนั้น
                   สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขอชี้แจงใน ๓ ประเด็นข้อสงสัย ดังนี้
                   ๑. กรณีเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) จากการเปรียบเทียบสถิติเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ จชต. ในห้วง ๓ ปีที่ผ่านมา คือ ระหว่าง พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ พบว่า แม้จะยังคงมีสถานการณ์ความรุนแรงอยู่ แต่เหตุการณ์ความรุนแรงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงถึงร้อยละ ๗๗ และ จำนวนผู้เสียชีวิตลดลง ร้อยละ ๕๙ ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิบัติการเชิงรุกอย่างต่อเนื่องของเจ้าหน้าที่ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ประกอบกับการขับเคลื่อนและบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ๗ กลุ่มภารกิจอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการบูรณาการระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ของ กอ.รมน. ภาค ๔ ส่วนหน้า ส่งผลให้การป้องกันและการติดตามตัวผู้กระทำความผิดดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (รายละเอียดตามเอกสารแนบชุดที่ ๑)
                  ๒. กรณีความเป็นเอกภาพในการดำเนินงาน ด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหา จชต. เป็นวาระสำคัญเร่งด่วน โดยเน้นประสิทธิภาพของในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนงาน และการมีเอกภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนายกรัฐมนตรี/หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้ให้แนวทางในการดำเนินการ คือ ๑) ความเป็นเอกภาพในการขับเคลื่อนงาน และ ๒) ความเป็นเอกภาพ ในกรอบทิศทางและนโยบาย ซึ่งจะมีเป้าหมาย วัตถุประสงค์ กรอบการดำเนินการ การประสานงาน และตัวชี้วัดกำกับไว้อย่างชัดเจน โดยการดำเนินการที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ยึดกรอบแนวทางดังกล่าวมาโดยตลอด รวมทั้งการเชื่อมโยงบทบาทของคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลที่สามารถประสานการดำเนินงานทั้งในภาครัฐและในลักษณะเข้าถึงชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การแก้ไขปัญหา จชต. สามารถดำเนินการได้อย่างประสานสอดคล้องกัน
                  ๓. กรณีการใช้งบประมาณจำนวนมากในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา จชต.
                          ๓.๑ งบประมาณในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา จชต. เป็นการกำหนดงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดให้มีแผนงานงบประมาณ โดยกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด รวมทั้งการบูรณาการและจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นระบบตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงบประมาณได้กำหนดไว้ โดยมีคณะกรรมการบูรณาการฯ พิจารณากลั่นกรองจัดสรรงบประมาณในทุกระดับตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับนโยบาย มุ่งเน้นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งแผนงาน โครงการ และงบประมาณ ทำให้การดำเนินการมีเป้าหมาย และแนวทางที่ชัดเจน มีความต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายและตัวชี้วัดร่วมกัน
                         ๓.๒ สำหรับวงเงินงบประมาณที่ถูกระบุว่า มีจำนวนค่อนข้างสูงนั้น เป็นวงเงินที่ รวมงบฟังก์ชั่นและงบแก้ปัญหา ส่งผลให้ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ มีวงเงินถึง ๒๕,๖๘๖ ล้านบาท และ ๓๐,๑๗๖ ล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ได้มีการบูรณาการงบประมาณมาจาก ๑๔ กระทรวง ๔๕ หน่วยงาน ๓ ส่วนราชการที่ไม่ได้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๑ หน่วยงานศาล และ ๑ หน่วยงานอิสระของรัฐ โดยผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนจากสำนักงบประมาณแล้ว และแยกงบฟังก์ชั่นออกไปโดยได้รับการจัดสรรงบประมาณ ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ รวม ๑๒,๕๑๐.๑๑๐๓ ล้านบาท งบประมาณดังกล่าวได้จัดสรรลงใน ๗ กลุ่มภารกิจ สอดคล้องกับสภาพความรุนแรงของปัญหา โดยมีหน่วยรับผิดชอบในแต่ละกลุ่มภารกิจชัดเจน ทั้งนี้ กลุ่มภารกิจที่มีความสำคัญ คือ กลุ่มภารกิจงานที่ ๑ การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างสภาวะแวดล้อมสำหรับการขับเคลื่อนในเรื่องอื่นๆ โดยจำเป็นต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูงในการปฏิบัติเพื่อควบคุมสถานการณ์ วงเงิน ๕,๒๔๓.๗๒๕๖ ล้านบาท รองลงมาคือ การให้ความสำคัญกับกลุ่มภารกิจที่ ๔ การศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนและรักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมเฉพาะของประชาชนในพื้นที่ วงเงิน ๒,๖๐๒.๗๑๓๘ ล้านบาท และให้ความสำคัญกับกลุ่มภารกิจที่ ๕ พัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่และคุณภาพชีวิต วงเงิน ๒,๑๑๙.๘๔๐๔ ล้านบาท เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว
                     ทั้งนี้ ภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ กำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ โดยจะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตการใช้จ่ายงบประมาณจากฝ่ายต่างๆ อย่างจริงจังและเข้มข้น เพื่อให้งบประมาณที่ใช้จ่ายได้ขับเคลื่อนส่งผลถึงประชาชนอย่างแท้จริงต่อไป

 

              ⇒  การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ประกาศ คสช. ฉบับที่ ๙๘/๒๕๕๗)  

 

สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อน
การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

แชร์เลย

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

Loading

Top