ข่าวประชาสัมพันธ์
การศึกษาดูงานภายใต้หลักสูตรความมั่นคงศึกษา (ระดับต้น) รุ่นที่ ๖ ณ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้นำคณะผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรความมั่นคงศึกษา รุ่นที่ ๖ เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การเงิน และไซเบอร์
ในบริบทของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการบริหารความเสี่ยงทางเทคโนโลยีและการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินรูปแบบใหม่
การบรรยายในช่วงแรก ผู้อบรมฯ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับบริบทเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ซึ่งยังเผชิญความเปราะบางเชิงโครงสร้าง ทั้งจากความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลก และการเปลี่ยนแปลงเชิงเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อแรงงานในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว โดยธนาคารกรุงไทยได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและรองรับสภาวะความท้าทายทางเศรษฐกิจ ด้วยการกระจายสภาพคล่องสู่ภาคประชาชน สนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย และเชื่อมโยงนโยบายรัฐกับกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยได้แสดงให้เห็นบทบาทเชิงรุกผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ตอบโจทย์นโยบายภาครัฐ เช่น โครงการ “เป๋าตัง” “ถุงเงิน” และ “เราชนะ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกระจายสวัสดิการและกระตุ้นการบริโภคในช่วงวิกฤต ทั้งนี้ ธนาคารยังได้ขับเคลื่อนการยกระดับระบบการเงินดิจิทัลในด้านความโปร่งใส การเข้าถึง และความปลอดภัย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ต่อมาในประเด็นด้านการรักษาความมั่นคงทางไซเบอร์ ผู้แทนจากธนาคารกรุงไทยได้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่ธนาคารพาณิชย์ต้องเผชิญ เช่น การหลอกลวงผ่าน SMS และแอพพลิเคชันปลอม การใช้ Deepfake โดยกลุ่มอาชญกรรม โดยธนาคารได้พัฒนาระบบป้องกันในเชิงลึก อาทิ ระบบตรวจจับธุรกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์เชิงพฤติกรรม และการใช้ระบบ Machine Learning เพื่อตรวจจับความเสี่ยงล่วงหน้า พร้อมทั้งใช้กระบวนการระงับธุรกรรมอัตโนมัติเมื่อพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย
ธนาคารกรุงไทยยังได้เน้นมาตรการเชิงป้องกัน (Preventive) โดยการส่งเสริมวัฒนธรรมความมั่นคงการสร้างชุดข้อมูลองค์ความรู้ให้กับประชาชน ตระหนักถึงบทบาทข้อมูลเชิงป้องกันแก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอทั้งผ่านแอป Krungthai NEXT เว็บไซต์ธนาคาร และสื่อสังคมออนไลน์ เช่น การเตือนหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่รู้แหล่งที่มา การไม่เปิดเผย OTP และข้อมูลส่วนตัวแก่บุคคลภายนอก ตลอดจนการส่งเสริมการเปิดใช้ระบบยืนยันตัวตนหลายชั้น (Multi-Factor Authentication)
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังได้ร่วมมือกับ “ศูนย์ต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์” (Anti-Online Scam Center หรือ AOC) เพื่อรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แบบ one stop service สามารถดำเนินการปิดกั้นอายัดบัญชีให้แก่ประชาชนได้ทันทีภายใน ๑ ชั่วโมง และเป็นกลไกภาครัฐที่ประสานความร่วมมือระหว่างธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ในการตรวจจับและอายัดบัญชีหลอกลวง รวมถึงการระงับเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการหลอกลวงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ธนาคารได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุอาชญากรรมไซเบอร์ได้ผ่านสายด่วน Krungthai Call Center 0-2111-1111 กด 108 และสายด่วน AOC 1441 ซึ่งเชื่อมโยงไปยังทุกธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบเรียลไทม์
สุดท้ายนี้ ผู้แทนธนาคารกรุงไทยได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรองรับการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๖๘ ซึ่งกำหนดให้มีระบบการตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัย การควบคุมบัญชีม้า และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างธนาคารและกลไกภาครัฐในระดับที่ละเอียดและเข้มงวดขึ้น โดยธนาคารได้ปรับปรุงกระบวนการยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC) ระบบควบคุมข้อมูล และขั้นตอนรายงานธุรกรรมผิดปกติให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย เพื่อยกระดับความปลอดภัยของระบบการเงินในภาพรวม
สถาบันความมั่นคงศึกษา (สมศ.)
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ