การสัมมนาเชิงวิชาการมุมมองความมั่นคง ประจำปี ๒๕๖๕ ครั้งที่ ๑ เรื่อง “พลวัตความมั่นคงชายแดนกับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง”

        เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๕ สถาบันความมั่นคงศึกษา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้จัดการโครงการสัมมนาเชิงวิชาการมุมมองความมั่นคง ประจำปี ๒๕๖๕ ครั้งที่ ๑ เรื่อง พลวัตความมั่นคงชายแดนกับอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีนายรัชกรณ์ นภาพรพิพัฒน์ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน ณ ห้องประชุมเล็ก แนวมาลี สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ และการประชุมทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ Zoom)
การสัมมนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ร่วมกันระหว่างนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการพลเรือนและทหาร และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับพลวัตและความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ภูมิทัศน์ของพื้นที่ชายแดนเปลี่ยนรูปไป รวมทั้งภัยคุกคามใหม่ซึ่งเกิดจากการเชื่อมโยงในภูมิภาค ทั้งด้านกายภาพ กฎเกณฑ์เชิงสถาบัน การเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับประชาชน และปัจจัยที่เป็นผลกระทบของสถานการณ์โลกและการจัดระเบียบโลกชุดใหม่ หลังเหตุการณ์โควิด – ๑๙ (Post – COVID) โดยมีประเด็นและสถานการณ์สำคัญที่นำมาสู่การอภิปราย ๕ หัวข้อ ดังนี้
๑) ภูมิทัศน์การเมืองและความมั่นคงของประเทศรอบบ้าน ซึ่งประกอบไปด้วยประเด็นที่สำคัญ ๓ ประเด็น คือ แนวโน้มทางการเมืองและความมั่นคงของกัมพูชาภายหลังการเลือกตั้งในปี ๒๕๖๖ แนวโน้มสถานการณ์ในเมียนมาภายหลังครบรอบรัฐประหาร ๑ ปี และการขยายอิทธิพลของมหาอำนาจและพันธมิตรในพื้นที่บริเวณอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
๒) ภูมิทัศน์ใหม่ทางเศรษฐกิจชายแดน
๓) ความท้าทายของชายแดนไทยภายใต้โควิด-๑๙ ซึ่งประกอบไปด้ายประเด็นที่สำคัญ ๒ ประเด็น คือ ความท้าทายของการบริหารจัดการการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติของไทย และชายแดนไทยกับอาชญากรรมข้ามชาติในสังคมสมัยใหม่
๔) ภูมิทัศน์ของโรคระบาดข้ามพรมแดนและความร่วมมือด้านสาธารณสุข
๕) ภูมิทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมชายแดน
ทั้งนี้ ผลการประชุมสัมมนาครั้งนี้จะนำไปประกอบการทบทวนนโยบายเกี่ยวกับการบริหารจัดการความมั่นคงชายแดน รวมทั้งแนวโน้มซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคตที่ครอบคลุมในทุกมิติและสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและไม่หยุดยั้ง รวมทั้งแก้ไขข้อพิพาทและความขัดแย้งที่อาจก่อตัวขึ้นในอนาคตหลังเหตุการณ์โควิด – ๑๙ (Post – COVID)

สถาบันความมั่นคงศึกษา
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ

แชร์เลย